แม้ช่วงระยะเวลา 3-4 ปี ที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ไทยจะหดตัวอย่างต่อเนื่อง ถึงอย่างไรก็มีบริษัทรถยนต์บางรายที่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ “ฟอร์ด” เป็นหนึ่งในไม่กี่ยี่ห้อที่สามารถก้าวผ่านและประสบความสำเร็จ ทั้งด้านยอดขายและการชิงส่วนแบ่งที่ขยายการเติบโตขึ้นทุกปี
หากเบื้องหลังผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ มักจะมีผู้หญิงเก่งคอยสนับสนุนอยู่เสมอ และในโอกาสวันที่ 8 มีนาคมนี้ ซึ่งเป็นวันสตรีสากล “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” จึงขอแนะนำทำความรู้จักกับ “ยุคนธร วิเศษโกสิน” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและฝ่ายขาย ฟอร์ด อาเซียน และกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย หรือดอกไม้เหล็กผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของค่ายรถยนต์สัญชาติอเมริกันแบรนด์นี้
กลยุทธ์มุ่งสู่เป้าหมาย
“ถ้ายังจำกันได้ เราเปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์ ครั้งแรก มีคนถามว่า อยากได้แชร์เท่าไหร่ ตอนนั้นไม่ได้บอกตัวเลข แค่บอกไปว่าอยากมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ในอันดับที่ 3 ทุกคนก็มองหน้า คงคิดในใจว่าเธอเป็นใครกล้ามากนะที่พูดแบบนี้ แต่ล่าสุด เรนเจอร์ อยู่ในอันดับที่ต้องการแล้ว รองจากโตโยต้าและอีซูซุ” ผู้บริหารหญิงคนเก่งเริ่มต้นเล่าถึงผลงานที่ภาคภูมิใจ พร้อมทั้งเผยต่อว่า
“มีหลายคนชอบถามว่ากลยุทธ์ที่ใช้มีอะไรพิเศษหรือเปล่า วิกกี้ก็ตอบไปว่า ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญทางด้านพื้นฐานมากกว่า ให้กลับไปเริ่มต้นที่เบสิกให้มันแข็งแรงที่สุด เริ่มจากสินค้าต้องดีก่อน คือ ถ้าคนทำงานจะเก่งแค่ไหน แต่ถ้าสินค้าไม่ดีก็ลำบาก ซึ่งเรนเจอร์ที่เรามีค่อนข้างดีทุกอย่างในมุมของเรา ทั้งเรื่องการออกแบบ ภายนอก ภายใน เรื่องของเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับตัวรถค่อนข้างเหนือกว่า
“ส่วนที่สองเป็นเรื่องเครือข่ายผู้จำหน่าย เราก็มีทุกจังหวัดทั่วประเทศ ปัจจุบันมี 143 แห่ง ถ้าหากจะบรรลุเป้าหมายได้ ต้องมีการเติบโตของเครือข่ายการจำหน่ายและศูนย์บริการรองรับด้วย และเรื่องที่สาม คือ การทำการตลาด เราสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับมากขึ้น โดยเฉพาะเรนเจอร์ ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ค่อนข้างแข็งพอสมควร”
ขณะที่ส่วนสุดท้ายซึ่งเธอให้ความสำคัญมากที่สุดนั่นคือ คนหรือทีมงาน หมายถึงทั้งทีมงานของฟอร์ดและทีมงานของดีลเลอร์ ต้องมีการจัดฝึกอบรมพัฒนาอยู่เสมอ รวมทั้งยังย้ำอีกด้วยว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะเธอคนเดียว แต่เป็นทีมงานทุกคนที่มีส่วนช่วยในการไปถึงเป้าหมายเดียวกัน
สำหรับเป้าหมายที่ว่าก็สะท้อนจากตัวเลขยอดขายรถยนต์ฟอร์ด ประจำปี 2559 มียอดขายทั้งสิ้น 40,972 คัน และในจำนวนนี้แบ่งออกเป็นเรนเจอร์ จำนวน 30,756 คัน เอเวอเรสต์ จำนวน 7,111 คัน ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มรถยนต์นั่ง ประกอบด้วยเอคโคสปอร์ต โฟกัส และเฟียสต้า (ไม่ได้ระบุจำนวน)
ดอกไม้เหล็กหนึ่งเดียวในอาเซียน
อย่างไรก็ตาม แม้จะยกความดีความชอบทั้งหมดให้ทีมงาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลังเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2555 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารงานของผู้หญิงเก่งผู้อยู่เบื้องหลังคนนี้ ฟอร์ดมีส่วนแบ่งทางการตลาดโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยในปีแรก อยู่ที่ 3.80% ไต่ระดับขึ้นมาล่าสุดในปีที่แล้ว อยู่ที่ 5.30% และหากนับเฉพาะเรนเจอร์ ปีแรกส่วนแบ่งตลาด อยู่ที่ 3.33% ขยับเปลี่ยนแปลงขึ้นมา อยู่ที่ 9.20% หรืออยู่ในอันดับที่ 3 ในกลุ่มรถกระบะตามเป้าหมายที่เธอต้องการแล้ว (ดูตารางประกอบ)
และด้วยผลงานอันโดดเด่นนี้เอง จึงผลักดันให้เธอได้รับโอกาสเป็นผู้บริหารหญิงหนึ่งเดียวของไทย ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและฝ่ายขาย ฟอร์ด อาเซียน ซึ่งจะต้องดูแลรับผิดชอบภาพรวมด้านการตลาดและการขาย ในตลาดประเทศไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ และในขณะเดียวกัน ยังคงดูแลรับผิดชอบในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย ควบคู่กันไปด้วย
ทั้งนี้ ด้านประวัติทางการศึกษา ยุคนธร จบการศึกษาระดับปริญญาตรีคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และจบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านการสื่อสารการตลาด จากมหาวิทยาลัยประจำรัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา
ขณะที่ด้านการทำงานเริ่มต้นครั้งแรกกับบริษัทโฆษณา ลินตาส (ประเทศไทย) ในตำแหน่ง Account Manager ปี 2538 และหลังจากนั้น 5 ปี จึงหันหน้าเข้าสู่วงการยานยนต์อย่างเต็มตัวกับบริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ส ซึ่งร่วมงานกันนานถึง 9 ปี เริ่มที่ประเทศไทย ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ก่อนที่จะย้ายไปรับตำแหน่งผู้บริหารประจำฝ่ายขายและดูแลการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายของบริษัท ประจำอยู่ที่รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และบินข้ามกลับมาที่เจนเนอรัล มอเตอร์ส มาเลเซีย ในตำแหน่งกรรมการบริหาร เพื่อฟื้นแบรนด์เชฟโรเลตและธุรกิจของจีเอ็มในประเทศมาเลเซีย
และสุดท้ายก่อนมาร่วมงานกับฟอร์ด เธอได้รับโอกาสทำสิ่งท้าทายครั้งใหม่ ในตำแหน่งผู้ช่วยรองประธานฯ ฝ่ายการตลาด บริษัท ไมเนอร์ ฟู๊ด กรุ๊ป โดยรับหน้าที่ในการขยายการดำเนินธุรกิจของเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ให้ประสบความสำเร็จทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เป็นระยะเวลาประมาณ 4 ปี
เคล็ดลับความเก่งและแกร่ง
“อุปสรรคเรื่องเพศ มีผลต่อการทำงานมั้ย ไม่มีค่ะ ตั้งแต่ทำงานในวงการยานยนต์มาร่วมสิบกว่าปีไม่มีเลย เราไม่เคยประสบปัญหาด้านการยอมรับเพราะเป็นผู้หญิง หรือเราเองก็ไม่ได้มองในประเด็นนั้นด้วย ส่วนหนึ่งเพราะบุคลิกเราเป็นคนตรงไปตรงมา เข้ากับคนง่าย ยังมีบางคนทักว่าบางครั้งก็ดูแกร่งเกินไป แต่แกร่งในแบบผู้หญิงที่จะมีความละเอียดเพิ่มเข้ามาด้วย” ผู้บริหารหญิง ฟอร์ด อาเซียน หนึ่งเดียวของไทย กล่าว
โดยความแกร่งส่วนหนึ่งอาจมาการฝึกฝนร่างกายและจิตใจอย่างสม่ำเสมอ เพราะชีวิตหลังเลิกงาน ส่วนใหญ่เธอบอกว่าหมดไปกับการออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ถ้ามีเวลาจะวิ่งทุกวันเสาร์และอาทิตย์ วิ่งในสวนสาธารณะ หรือถ้าวันไหนกลับถึงบ้านไม่เกินสองทุ่มก็ยังวิ่งอยู่ แต่วิ่งบนเครื่องแทน
“เวลาวิ่งรู้สึกสนุก เป็นเวลาส่วนตัว เป็นการฝึกจิตใจ เข้าถึงสมาธิ ขาไม่ไหวแล้ว แต่ใจบอกต้องไปต่อให้ได้ ก้าวข้ามขีดกำจัดของตัวเองให้ได้ และหลายครั้งชอบแก้ปัญหางานได้ตอนวิ่ง เวลาอยู่ในออฟฟิศคิดไม่ออก แต่พอวิ่งเกิดสมาธิเหมือนจะได้มุมมองใหม่ สัปดาห์ก่อนเพิ่งไปพิชิตมินิมาราธอน (ระยะ 10 กิโลเมตร) ส่วนปีนี้ตั้งเป้าว่าจะต้องไปให้ถึงฮาร์ฟมาราธอน (ระยะ 21 กิโลเมตร)ให้ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อม เพราะต้องดูเวลาซ้อมด้วย แต่เชื่อว่าต้องทำได้แน่ ของอย่างนี้ต้องใช้เวลาและมีการวางแผนระยะยาว”
เธอเปรียบเทียบการทำงานกับการวิ่งที่มีส่วนคล้ายคลึงกันให้ฟังว่า ถ้าระยะมินิแค่ 5 กิโลเมตร สามารถใส่เต็มตั้งแต่ออกตัว แต่พอระยะไกลขึ้นก็ต้องเผื่อไว้ช่วงท้าย ลักษณะเดียวกันกับการทำงาน โดยเฉพาะหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น หากทุ่มพลังสุดตัวตั้งแต่เริ่ม ในระยะยาวอาจจะไปต่อไม่ไหว ดังนั้น จึงต้องวางแผนให้ดี และที่สำคัญต้องดึงคนที่มีศักยภาพขึ้นมาช่วยลงลึกในบางจุดด้วย
แม้ประโยคทิ้งท้ายจากดอกไม้เหล็กผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของฟอร์ด จะไม่ได้ให้คำตอบต่อว่าสามารถทำได้หรือไม่อย่างไร แต่หากจะว่าไปทุกอย่างก็คงเหมือนการวิ่งระยะไกลตามที่เธอว่า ไปถึงแน่ถ้ามีเวลาซ้อมและวางแผนดีๆ
เพียงแต่ของอย่างนี้ต้องใช้เวลา.
ที่มา : http://manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9600000023241