ต่อขยาย 2 สาย รายได้เพิ่มเท่าตัว เบ็ดเสร็จเกือบหมื่นล้าน
ยิ่งรถติด รถไฟฟ้าก็ยิ่งแน่น แม้จะมีเสียงบ่นจากคนโดยสารว่า อย่าเสียให้บ่อยนัก ล่าสุด บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทฯ บรรลุข้อตกลงในการให้บริการเดินรถ และซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-คูคต) และใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ระยะทาง 30.8 กิโลเมตร รวม 25 สถานี
โดยคาดว่าหลังจากเปิดให้บริการรถไฟฟ้าทั้ง 2 โครงการ จะส่งผลให้รายได้กลุ่มธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ในปี 2563 ที่รถไฟฟ้าทั้งสองสายจะเปิดให้บริการตลอดทั้งสายเต็มปี จะมีรายได้จากการให้บริการเดินรถ และซ่อมบำรุงจะเพิ่มขึ้นอีก 4,000-5,000 ล้านบาท หรือเติบโต 1 เท่าตัว จากปัจจุบันที่มีรายได้จากกลุ่มธุรกิจดังกล่าว อยู่ที่ 4,237 ล้านบาท
นอกจากนี้ เมื่อเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ ได้เต็มรูปแบบภายในปี 2561 และหลังจากได้เริ่มให้บริการเดินรถสถานีสำโรง ซึ่งเป็นสถานีแรกของส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้เรียบร้อยแล้ว คาดว่า อัตราผู้โดยสารในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 3-5% จากปีก่อนที่มีจำนวนผู้ใช้บริการ 238 ล้านคนเที่ยว โดยเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เปิดให้บริการ และคาดว่าอัตราค่าโดยสารจะเพิ่มขึ้น 1%
จะทำให้รายได้ของบีทีเอส มีรายได้จากธุรกิจขนส่งมวลชนจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวยังไม่นับรวมรายได้ค่าโดยสารจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2563
รายได้โฆษณารถไฟฟ้าโกย 4 พันล้าน
ในขณะที่ “ธุรกิจสื่อโฆษณา” บนรถไฟฟ้า ซึ่งดำเนินการโดย VGI บริษัทลูก ก็ทำรายได้เพิ่ม จากปัจจุบันที่มีพื้นที่โฆษณาในสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสจำนวน 30 สถานี รวม 10,000 ตารางเมตร และจำนวนรถไฟฟ้า 52 ขบวน
ในช่วงหลังบีทีเอส ได้เพิ่มแพลตฟอร์มพื้นที่สื่อโฆษณาให้หลากหลาย เพื่อเพิ่มการขายโฆษณาแบบแพ็กเกจ พร้อมนำเทคโนโลยี และพฤติกรรมของลูกค้ามาใช้วิเคราะห์ เพื่อวางแผนสื่อโฆษณา ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ วีจีไอ ยังได้เข้าไปซื้อกิจการ MACO, แรบบิท กรุ๊ป, แอร์โรมีเดีย สื่อโฆษณาในสนามบินและเดโม เพาว์เวอร์ ส่งผลให้สามารถเก็บเกี่ยวรายได้จากเม็ดเงินโฆษณาได้มากขึ้น ซึ่งในปีนี้คาดว่า VGI จะทำรายได้ 4,000 ล้านบาท และมีจำนวนผู้ใช้บัตรแรบบิท ในระบบกว่า 9.2 ล้านใบ
ผุดคอนโด 25 โครงการ มูลค่า 1 แสนล้านในอีก 5 ปี
ขณะที่กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับ บมจ.แสนสิริ ในปีหน้า (ปี 2561)
โดยในปีนี้จะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมอย่างน้อย 4 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้มากขึ้นในอนาคต
ส่วนแผนระยะยาว พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ ทั้งตามแนวรถไฟฟ้าสายปัจจุบัน ส่วนต่อขยาย และโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ รวม 25 โครงการ มูลค่าขายกว่า 100,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี จากปัจจุบันที่พัฒนาโครงการไปแล้วจำนวน 8 โครงการ รวม 4,382 ยูนิต มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท
ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2559/60 (เมษายน 2559-มีนาคม 2560) บริษัทฯ มีรายได้ 9,618.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,235.7 ล้านบาท จ่ายเงินปันผล 0.175 บาทต่อหุ้น
ที่มา : http://astv.mobi/AWn92OV