ถือเป็นธรรมเนียมประจำปีของเครือสหพัฒน์ในการจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ จัดขึ้นเป็นปีที่ 21 แล้วได้รวบรวมสินค้าภายในเครือสหพัฒน์มาจำหน่ายพร้อมกับมีสินค้าใหม่ที่เปิดตัวในงานนี้
ในงานแถลงข่าวปีนี้ นำทีม 4 ผู้บริหารเจน 3 ของเครือสหพัฒน์ ได้พูดถึงไฮไลต์ของแต่ละธุรกิจ ได้แก่ เวทิต โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน), ธีรดา อำพันวงษ์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่ บริษัท โอซีซี จำกัด (มหาชน), ธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอซีซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และพิภพ โชควัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิวซิตี้ (กรุงเทพฯ) จำกัด (มหาชน)
นอกจากนั้นยังเป็นวันที่ “เสี่ยใหญ่” บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ปัจจุบันอายุ 80 ปีแล้ว ได้พบปะสื่อมวลชน และพูดถึงทิศทางของสหพัฒน์ในปีนี้ ในการนำพาเข้าสู่ยุคสหพัฒน์ 4.0 มีการปรับตัวเพื่อรับกับธุรกิจยุคนี้ ได้ปรับโครงสร้างองค์กรดันผู้บริหารหนุ่มสาวขึ้นมามีบทบาทมากขึ้น เดินหน้าลงทุนหลังจากชะลอมา 2 ปี และบุกหนักช้อปออนไลน์
เทียบเศรษฐกิจเหมือนรถเกียร์ 3 ไต่ขึ้นเนิน
บุณยสิทธิ์มองว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังมีสัญญาณดีขึ้น จากกำลังซื้อของผู้บริโภคกระเตื้องขึ้น เพราะพืชผลเกษตรเริ่มดีกว่าปีที่แล้ว พืชผลเกษตรไม่ดีจึงทำให้เศรษฐกิจไม่ดีไปด้วย รวมถึงมีเรื่องนโยบายจากทางภาครัฐที่มีการลงทุน มีเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นตัวกระตุ้นการลงทุน ดึงศักยภาพในประเทศไทยได้
เปรียบเทียบเศรษฐกิจในปีนี้เหมือนรถที่เข้าเกียร์ 3 ในช่วงกำลังขึ้นเนิน และกำลังถึงทางเรียบ แต่ยังไม่ราบลื่น มองว่าปีหน้าเศรษฐกิจจะดีขึ้น เข้ารถเกียร์ 4 ได้
ควัก 3,000 ล้านบาท สร้างแวร์เฮาส์–โรงงานใช้ IoT
สำหรับปีนี้ สหพัฒน์จะกลับมาลงทุนหนักขึ้น หลังจากที่ชะลอการลงทุนมา 2 ปี เพราะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ในครึ่งปีหลังนี้จะมีการลงทุนเพิ่มอีกราว 3,000 ล้านบาท ทั้งเป็นการร่วมทุนกับบริษัทอื่น และลงทุนสร้างโรงงาน ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่
โดยที่บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมทุนกับบริษัท ไทเกอร์ ดิสทริบิวชั่น แอนด์ โลจิสติกส์ จำกัด และ PALTAC Corporation บริษัทด้านโลจิสติกส์ และชำนาญด้านบริหารแวร์เฮาส์จากประเทศญี่ปุ่น ได้ร่วมมือในโครงการ “ไทเกอร์ สุวรรณภูมิ ดีซี” เพื่อพัฒนาระบบการจัดการ Total Supply Chain ของสหพัฒน์ให้ดีขึ้น
ดีซีแห่งใหม่นี้จะเป็นดีซีใหญ่ของสหพัฒน์ที่รวมสินค้าทุกแบรนด์ มีพื้นที่กว่า 72,000 ตารางเมตร ใช้งบลงทุน 1,500 ล้านบาท จากแต่เดิมที่จะมีแวร์เฮาส์หลายแห่งๆ ละ 1,000 ตารางเมตร แต่แห่งใหม่จะรวมทุกแบรนด์ทำให้การจัดการง่ายขึ้นตอนนี้ได้ลงตอกเสาเข็มแล้วคาดว่าจะสร้างเสร็จช่วงกลางปีหน้า
อาหารดาวรุ่ง ลดขนาดธุรกิจสิ่งทอ
อาหารเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี เพราะเป็นสินค้าจำเป็นของผู้บริโภค และเป็นธุรกิจดาวรุ่งของสหพัฒน์มาโดยตลอดโดยเฉพาะในช่วงหลายปีให้หลัง เพราะธุรกิจอื่นๆ มีแต่การเติบโตลดลงอย่างธุรกิจเสื้อผ้า แฟชั่น เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย
แบรนด์ที่เป็นดาวรุ่งยังคงเป็นมาม่าที่ยังคงสร้างรายได้อันดับต้นๆ ให้สหพัฒน์ยังคงมีการออกสินค้าใหม่ๆอยู่อย่างต่อเนื่อง
ส่วนธุรกิจเสื้อผ้ามีการปรับลดขนาดลงเพราะมีการเติบโตน้อย ได้ย้ายฐานการผลิตไปที่แม่สอด เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เนื่องจากหาแรงงานในการทำได้สะดวก และการขนส่งก็สะดวกด้วย
แตกแบรนด์ BSC ลงตลาดเสื้อผ้าผู้ชาย
แต่แบรนด์แฟชั่น BSC ยังคงมีการเติบโต ในปันี้ได้แตกแบรนด์ BSC Cool Metropolis เป็นแบรดน์กลุ่ม Metro-sexual เจาะกลุ่มผู้ชายอายุ 18 ปีขึ้นไปที่ชอบแต่งตัว กลุ่มนี้มีโอกาสและการเติบโตสูง
สหพัฒน์ 4.0 โรงงานต้องใช้ IoT
เสี่ยใหญ่บอกว่ามีการปรับตัวให้เข้ากับนโยบายของรัฐบาลมาโดยตลอด เข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 เพราะฉะนั้นสหพัฒน์ 4.0 จะมีการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น มีการลงทุนโรงงานไลอ้อนกว่าพันล้านบาท นำเทคโนโลยี IoT หรือ Internet of Thing เข้ามามีส่วนร่วม
โกออนไลน์ขายผ่านลาซาด้า–โอ ช้อปปิ้ง
ในปีนี้ได้มีการลงทุนด้านออนไลน์เพิ่ม ได้เป็นพาร์ตเนอร์กับทางลาซาด้า และโอ ช้อปปิ้งสำหรับนำสินค้าของสหพัฒน์เข้าไปจำหน่ายทั้งในอีคอมเมิร์ซ และโฮมช้อปปิ้ง เพื่อเพิ่มความสะดวก จากเดิมที่มีแค่เว็บไซต์ eThailandbest เท่านั้น
เสี่ยใหญ่ได้ปิดท้ายด้วยว่า ประเมินสหพัฒน์ในปีนี้ว่าเป็นปีที่ทรงๆ ไม่มีการเติบโต และไม่ติดลบ แต่ก็ยังไม่อยากคาดหวังสูงมาก