เจดีดอทคอม เจ้าของอีคอมเมิร์ซอันดับ 2 ของจีน คู่แข่งคนสำคัญของ “อาลีบาบา” ประกาศ เข้าลงทุนในไทยช่วงปลายปีนี้
จากการให้สัมภาษณ์ สำนักข่าวรอยเตอร์ส ของ ริชาร์ด หลิว (Richard Liu) CEO ผู้ก่อตั้ง JD.com Inc ว่า บริษัทได้วางแผนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการให้บริการด้านอีคอมเมิร์ซนอกประเทศจีน เพื่อรองรับกับการรุกขยายไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นเวียดนาม และมาเลเซีย
![](http://positioningmag.com/wp-content/uploads/2017/06/1_jd.png)
โดยบริษัทคาดว่า จะเข้าลงทุนในประเทศไทยอย่างเป็นทางการช่วงก่อนปลายปีนี้ โดยระบุเพียงว่าจะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก แต่ไม่ได้ระบุตัวเลข และจะมีพันธมิตรธุรกิจเข้ามาร่วมด้วย
ในการใช้เงินลงทุนในไทย จะน้อยกว่าการลงทุนในอินโดนีเซีย ซึ่งเน้นการสร้างเครือข่ายจัดส่งสินค้า โดยอินโดนีเซียถือเป็นตลาดขนาดใหญ่สำหรับ JD.com เมื่อเทียบกับตลาดนอกประเทศจีน
ซีอีโอ JD.com Inc เชื่อมั่นว่า JD.com จะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งขันอย่าง “อาลีบาบา” ที่เป็นเบอร์1 ในจีนได้ในตลาดอาเชียน โดยหยิบยกตัวอย่าง เมื่อครั้งบริษัทเข้าสู่วงการธุรกิจอีคอมเมิร์ซเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ซึ่งเวลานั้นอาลีบาบานั้น ก็เป็นผู้ให้บริการรายใหญ่แล้ว แต่ JD.com ก็ยังสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้ให้บริการรายสำคัญในตลาดได้
JD.com ได้ขยายธุรกิจไปยังสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าครัวเรือน และยังมีธุกิจให้บริการฐานข้อมูล คลาวด์ และบริการปัญญาประดิษฐ์
ผลประกอบการเมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมาว่าของ JD.com ทำกำไรสุทธิ 355.7 ล้านหยวน มีรายรับรวมเพิ่มขึ้น 41% เป็น 7.62 หมื่นล้านหยวน มีฐานผู้ใช้งานมากกว่า 237 ล้านบัญชี
![](http://positioningmag.com/wp-content/uploads/2017/06/2_jd.png)
ในอนาคต JD.com วางแผนสร้างเครือข่ายโดรนชื่อ 180 เพื่อเป็น “สนามบิน” สำหรับส่งสินค้าในเขตเสฉวน ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นภูเขา ทำให้การขนส่งสินค้าด้วยรถนั้น มีทุนสูง และใช้เวลานานกว่า ซึ่งการ จัดสร้างศูนย์ปล่อย และจอดโดรนเหล่านี้ ใช้ต้องใช้เงินทุนมากกว่า 600,000 หยวน
การรุกตลาดนอกประเทศจีน เพื่อขยายตลาดในภูมิภาคนี้ ของ JD.com Inc น่าจะทำให้อีคอมเมิร์ซดุเดือดขึ้นแน่ เพราะก่อหน้านี้ อาลีบาบา เองได้ซื้อกิจการ ลาซาด้า (Lazada) เพื่อบุกขยายตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาแล้ว
ที่มา : http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000059110