ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นอีก 1 ธนาคารที่ได้รับผลพวงโดยตรงจากวิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐฯ เพราะมีจีอีแคปิตอล อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง คอร์ปอเรชั่น แบงก์ขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ถือหุ้นถึง 32.93%
กลุ่มจีอีฯ ขาดสภาพคล่องและประกาศระดมทุนมูลค่า 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อปลายเดือนกันยายน 2008 โดยมี “วอร์เรน บัฟเฟตต์” มหาเศรษฐีสหรัฐ เข้ามาต่อท่อออกซิเจน โดยเข้ามาซื้อหุ้นจีอีฯ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
คำถามจึงเกิดขึ้นกับอนาคตธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่มีจีอีฯ เป็นหุ้นส่วนสำคัญ
ล่าสุด “วีระพันธุ์ ทีปสุวรรณ” ประธานกรรมการธนาคารกรุงศรีอยุธยา ออกมาแถลงว่ากลุ่มจีอีฯ ยังคงถือหุ้นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา และไม่ได้ขายหุ้นให้กับกองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์
นี่คือคำยืนยัน ณ เวลานั้น แต่สิ่งที่ประธานกรรมการของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ไม่สามารถให้คำมั่นได้คือกลุ่มจีอีฯ จะขายหุ้นธนาคารในอนาคตหรือไม่
แต่สำหรับหุ้นคนไทยคือกลุ่มครอบครัว “รัตนรักษ์” ซึ่งถือทั้งทางตรง และถือผ่านบริษัทในเครือสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ยังไม่มีการขายหุ้นออกมา แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงมาก็ตาม โดยรวมกันถือหุ้นอยู่ประมาณ 25 % ไม่ขายแต่ก็ไม่พร้อมรับซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนรายย่อย
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2488 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 26 กันยายน 2520 แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน จำกัด ในวันที่ 28 กันยายน 2536
ปี 2549 กลุ่มจีอีฯ ได้เข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่จากกลุ่มรัตนรักษ์ และเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 58,159 ล้านบาท จัดเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อันดับ 5 ในด้านเงินฝาก สินเชื่อและสินทรัพย์ โดย ณ สิ้นมิถุนายน 2551 ธนาคารมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 751,155 ล้านบาท มีจำนวนพนักงาน 9,424 คน มีสาขาของธนาคาร 572 สาขาทั่วประเทศ และสาขาต่างประเทศ 3 แห่ง คือ สาขาฮ่องกง สาขาเวียงจันทน์ และสาขาหมู่เกาะเคย์แมน โดยผลประกอบการในครึ่งปีแรก 2551 มีกำไรสุทธิ 3,032 ล้านบาท
รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ณ วันที่ 18 กันยายน 2008
1. จีอี แคปิตอล อินเตอร์ชั่นแนล โฮลดิ้ง คอร์ปอเรชั่น 2,000 ล้านหุ้น 32.93%
2. บริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 607 ล้านหุ้น 10%
3. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 473 ล้านหุ้น 7.79%
4. บริษัท สตรองโฮลด์ แอสเซ็ทส์ จำกัด 166 ล้านหุ้น 2.74%
5. บริษัทุนมหาโชค จำกัด 166 ล้านหุ้น 2.74%
6. บริษัทจีแอล แอสเซทส์ จำกัด 166 ล้านหุ้น 2.74%
7. บริษัทบีบีทีวี แซทเทลวิชั่น จำกัด 166 ล้านหุ้น 2.74%
8. บริษัทบีบีทีวี แอสเซตแมเนจเมนท์ จำกัด 163 ล้านหุ้น 2.69%
9. บริษัทกรุงเทพ โทรทัศน์และวิทยุ จำกัด 160 ล้านหุ้น 2.65%
10. บริษัทมหากิจ โฮลดิ้ง จำกัด 158 ล้านหุ้น 2.61%
11. บริษัทุนรุ่งเรืองจำกัด 157 ล้านหุ้น 2.60%
12. สเตท สตรีท แบงก์แอนด์ทรัสต์ ลอนดอน 57 ล้านหุ้น 0.94%
13. บริษัทรัตนรักษ์ จำกัด 33 ล้านหุ้น 0.55%