มัดแมน (MM) พลิกกลยุทธ์แบรนด์ ‘เกรฮาวด์ ออริจินอล’ ปรับธุรกิจเสื้อผ้าให้กระชับรับมือแข่งขันที่เข้มข้น มุ่งเน้นร้านแฟล็กชิพ ปิดสาขาไม่ทำเงิน ขยายแบรนด์ Smileyhound ให้แมสขึ้น ต่อยอดธุรกิจ Licensing ไปสู่สินค้าใหม่ๆ เกรเกรฮาวด์ คาเฟ่ ไปสู่อังกฤษและยุโรปภายในปีนี้
แม้ว่า “เกรฮาวด์” จะแบรนด์แฟชั่นของไทย ที่สามารถยืนหยัดอยู่ในธุรกิจนี้มายาวนานมากกว่า 20 ปี แต่ต้องยอมรับว่า ธุรกิจแฟชั่นทุกวันนี้ แข่งขันกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ตัวเลือกมีมากมายในตลาด ยิ่งในระยะหลังฟาสต์แฟชั่นจากต่างประเทศ ก็เข้ามาแย่งแชร์ในตลาดไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ในขณะที่ธุรกิจร้านอาหาร “เกรฮาวด์ คาเฟ่” ยังทำรายได้ให้กับมัดแมนเป็นกอบเป็นกำ มีแฟนประจำที่เป็นคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน ทั้งชาวไทยและต่างชาติ โอกาสขยายสาขายังมีอยู่มาก แต่ต้องดูแลและควบคุมคุณภาพอาหาร และรสชาติให้ดี
ดังนั้นจึงเป็นโจทย์ให้กับ “มัดแมน” ต้องมาวางกลยุทธ์ บาลานซ์การลงทุนให้เหมาะสม พร้อมกับมองหาโอกาสต่อยอดแบรนด์เกรฮาวด์ไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ นั่นก็คือที่มาของการที่ นาดิม ซาเวียร์ ซาลฮานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มัดแมน จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาระบุว่า ขณะนี้มัดแมนกำลังให้ความสำคัญกับแบรนด์เกรฮาวด์ที่มี Brand Equity หรือมูลค่าทางการค้าสูงให้เกิดประโยชน์ด้านธุรกิจมากขึ้น
โดยพลิกการดำเนินงานของธุรกิจแฟชั่น (Turn Around) 1. เน้นพัฒนาสินค้าและร้านแฟล็กชิพ (Flagship) ให้โดดเด่นมากขึ้น 2. หันมาขยายแบรนด์ Smileyhound (สไมลี่ฮาวด์) ที่สร้างผลกำไรที่ดีอยู่แล้วให้เข้าสู่กลุ่มที่กว้างขึ้น 3. จะปิดสาขาที่ไม่ทำผลกำไรลงเพื่อลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น
นั่นหมายความว่า จำนวนสาขา ร้านเกรฮาวด์ และเพลย์ฮาวด์ ต้องลดลง หันมามุ่งเน้นเฉพาะสาขาหลักที่เป็นแฟล็กชิพ และให้น้ำหนักกับแบรนด์สไมลี่ฮาวด์ ที่จะเน้นดีไซน์ เรียบง่าย สวมใสได้ในหลายโอกาส ช่วงหลังได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ค่อนข้างมาก และเข้าถึงคนทั่วไปได้มากกว่า แบรนด์แม่ เกรฮาวด์ และเพลย์ฮาวด์ ที่จะมีความแฟชั่นมากกว่า
ขณะเดียวกัน จะปรับมุมมองธุรกิจต่อยอดแบรนด์ (Remodel) เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างผลกำไรใหม่ๆ ของแบรนด์เกรฮาวด์ เช่น Licensing Business ซึ่งเป็นอีกก้าวหนึ่งของแบรนด์แฟชั่นไทยอย่างเกรฮาวด์ ที่ยังไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์ด้านนี้ ในขณะที่แบรนด์ต่างประเทศทำกันอย่างกว้างขวางมาเป็นเวลานาน ซึ่งบริษัท เกรฮาวด์ ออริจินอล มีจุดเด่นเรื่องความคิดสร้างสรรค์อยู่แล้ว สามารถนำไปจับมือต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ ขึ้นโดยให้ใช้ชื่อแบรนด์เกรฮาวด์ต่อท้ายได้ด้วยเป็นต้น
ปัจจุบันมีลูกค้าที่อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อให้ออกแบบสินค้า 2-3 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ และสามารถขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต รวมถึงจะขยายสู่ความเป็น “ไลฟ์สไตล์แบรนด์” เต็มที่ โดยเฉพาะในตลาดที่กำลังหันมานิยมอาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เช่น การเปิดตัวล่าสุดของ GH Life Juice น้ำผลไม้คั้นสดที่ออกวางจำหน่ายทั้งที่เกรฮาวด์ คาเฟ่ และร้านโอ บอง แปงทุกสาขาด้วย
ส่วนเกรฮาวด์ คาเฟ่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งได้ได้รับความนิยมอยู่แล้ว จะขยายสาขาในประเทศและภาคพื้นเอเชีย โดยในปีนี้มีแผนขยายสาขาที่ 2 ทั้งในมาเลเซียและสิงคโปร์ และจะเปิดตลาดใหม่ในอินโดนีเซีย และประเทศอังกฤษและภาคพื้นยุโรปต่อไป โดยจะเปิดบริการร้านแรกที่กรุงลอนดอนภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
“เราเชื่อว่าการปรับกลยุทธ์ รีโมเดลเกรฮาวด์ครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมายและสามารถผลักดันความสามารถการทำกำไรที่ดีขึ้น ประกอบกับประสบการณ์ด้านสร้างสรรค์และพัฒนาธุรกิจที่มีมายาวนานจะสามารถร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ๆ สร้างสรรค์แนวคิดและออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะนำมาต่อยอดขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องในอนาคตอย่างแน่นอน” นายซาลฮานี กล่าว
ปัจจุบัน มัดแมน มีธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ แบ่งเป็น ร้านที่เป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ต่างประเทศ 3 แบรนด์ คือ ดังกิ้นโดนัท 307 สาขา โอบองแปง 72 สาขา บาสกิ้น ร็อบบิ้นส์ 34 สาขา และร้านที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง ได้แก่ เกรฮาวด์ คาเฟ่ เน้นเจาะกลุ่มนักศึกษาและคนทำงานที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง มีสาขาทั้งไทยและต่างประเทศ จำนวน 28 สาขา ครัวเอ็ม (คาเฟทีเรียในโรงพยาบาล) 1 สาขา และร้านจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ (เสื้อผ้าและเครื่องประดับ) เกรฮาวด์ 14 สาขา