เอไอเอส (AIS) จัดเป็นโอเปอเรเตอร์มือถือที่กวาดต้อนดารา นักร้องดัง มาเป็นพรีเซ็นเตอร์มากที่สุดรายหนึ่งในเวลานี้ เพราะเอ่ยชื่อมาเป็นดารา นักร้องระดับทอป และล่าสุดยังได้ 2 หน้ากากดัง เป๊ก – ผลิตโชค ทอม ROOM 39 เข้ามาอยู่ในสังกัดพรีเซ็นเตอร์เอไอเอส
ทั้งคู่โด่งดังมาจากรายการ The Mask Singer ซีซั่นแรก แถมยังสร้างความดังได้ต่อเนื่อง มีงานเข้ามาไม่ขาดสาย โดยเฉพาะในฟาก “เป๊ก–ผลิตโชค” ที่สร้างความปังระดับขีดสุด มีแฟนคลับติดตามมากมาย ทั้งเหนียวแน่นและเป็นระบบ ดีกรีไม่แพ้บรรดา โอปป้า เค–ป็อป คนดังเลย ยังถูกขนานนามว่าเป็น “สามีแห่งชาติ” ของบรรดาแฟนคลับที่ตั้งตัวเป็นเมีย จนเป็นที่มาของ แฮชแท็ก #เรือนต่างๆ ในทวิตเตอร์ แถมสร้างปรากฏการณ์ห้างแตก คิวเดินสายคอนเสิร์ตแน่นไปจนถึงปีหน้า
เมื่อพรีเซ็นเตอร์สร้างปรากฏการณ์ได้ถึงระดับนี้ ต้องมาฟังจากปาก “สมชัย เลิศสุทธิวงค์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส เจ้าของ #เรือนซีอีโอ กันชัดๆ ถึงที่มาและเบื้องหลังการเลือก “เป๊ก ผลิตโชค” มาอยู่ในผัง “พรีเซ็นเตอร์” ของเอไอเอส
“ผมเจอเด็กๆ และคนรอบข้างทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ เขาชอบพูดถึงเป๊กกัน มาจากที่เขาดูรายการ The Mask Singer และประทับใจกับหน้ากากจิงโจ้กันมาก เพราะทั้งร้องและเต้นเก่ง หุ่นก็ดี ขี้อ้อน และอาการที่แสดงออกถึงความชอบระดับเดียวกับเคป็อป ถึงกับยอมไปเฝ้า ไปรอถึงสนามบิน แค่ได้เห็นหน้า ซึ่งเราไม่ค่อยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยนัก จะมีก็ตอนที่เราได้เจมส์ จิ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็สร้างปรากฏการณ์แบบนี้ ชนิดที่ห้างสรรพสินค้าดัง 2 แห่ง ต้องโทรหาผมขอให้เจมส์ จิไปปรากฏตัวมาแล้ว แต่แฟนคลับเจมส์ จิจะแมสกว่าของเป๊ก จะเป็นวัยรุ่นที่ระดับความชอบที่ระดับแฟนคลับเกาหลีเลย”
อีกเหตุผลหนึ่ง เอไอเอสกับเวิร์คพอยท์เป็นพาร์ตเนอร์กันมานาน และเป็นสปอนเซอร์รายการ The Mask Singer เลยเอาทั้งสองคนเขามาเล่นคอนเสิร์ตก่อน ปรากฏว่าสร้างปรากฏการณ์ห้างฯ แตก เราก็เลยติดต่อกับเป๊ก และทอม มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยที่เอไอเอสไม่ได้ถอดพรีเซ็นเตอร์เดิมคนไหนเลย ยังอยู่ครบ เจมส์ จิรายุ, แต้ว–ณฐพร เตมีรักษ์, เต้ย จรินพร จุณเกียรติ, มิว –นิษฐา จิรยั่งยืน ดีเจพุฒิ, วี – วิโอเลต วอเทียร์
การที่เอไอเอสต้องมี “พรีเซ็นเตอร์” เยอะขนาดนี้ เพราะเอไอเอสต้องการให้พรีเซ็นเตอร์เป็นตัวแทนในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มแบบลงลึก เพราะแต่ละคนเขาจะมีกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกัน โดยเป๊กและทอมจะได้กลุ่มวัยรุ่น คนทำงาน คนสูงอายุก็มี เจมส์ จิ, มิว นิษฐา จะได้กลุ่มแมส ส่วนแต้ว– ณฐพร ได้กลุ่มแมสในเมือง เต้ย–จรินทร์พรได้กลุ่มวัยรุ่น
การจะมี “พรีเซ็นเตอร์” ถือเป็นความจำเป็นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับจังหวะของธุรกิจ ถ้าจำได้ สมัยหนึ่งเอไอเอสก็เกือบจะไม่มีพรีเซ็นเตอร์แล้ว เพราะเวลานั้นเราทดลองทำ 3 จี แต่ในบางสถานการณ์ก็จำเป็น เพราะเป็นพรีเซ็นเตอร์ทำให้คนหันมามองเร็วขึ้น
การเลือกพรีเซ็นเตอร์นั้น จะไม่ใช่แค่ให้มาเล่นหนังโฆษณาให้แล้วก็จบ แต่ต้องเป็นเสมือนหนึ่งใน “ครอบครัว” เอไอเอส ที่ต้องเติบโตไปด้วยกัน สมชัยยกตัวอย่างสมัยที่เจมส์ จิไปเรียนต่อการแสดงที่เกาหลี พอเขากลับมาเอไอเอสก็สนับสนุนเป็นสปอนเซอร์จัดคอนเสิร์ตให้ทั้งๆ ที่ไมได้อยู่ในข้อตกลงการเป็นพรีเซ็นเตอร์เลย แต่เอไอเอสก็ยินดี เพราะเป็นการช่วยกันผลักดัน
เหมือนกับสมัยหนึ่ง ที่เราเอานิโคล เทริโอ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ คนก็มักจะถามเราว่า นิโคล ดังเพราะเรา หรือ เราดังเพราะนิโคล
สมชัย บอกถึงเคล็ดลับในการเลือกพรีเซ็นเตอร์ด้วยว่า จะมีพิธี “รับน้อง” โดยต้องตอบคำถามให้ได้ก่อน ถึงจะมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเอไอเอสได้ เพราะวิธีนี้จะทำได้ “ใจ” ดีกว่าให้ “ตังค์” อย่างเดียว และยังดีกว่าเอไอเอสในระยะยาวด้วย
อย่างการที่ เป๊ก และทอม ยอมมาทำคลิปวิดีโอเพื่อเอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์ บนแอป AIS PLAY และ AIS PLAYBOX ให้กับเอไอเอส ก็เป็นตัวอย่างของการร่วมมือแบบครอบครัว เพราะถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจไม่ยอม จะแค่ขึ้นเวทีจับไมโครโฟน หรือถือสินค้าให้เท่านั้น ดังนั้นพรีเซ็นเตอร์ต้องร่วมหัวจมท้ายกับเรา นี่เขาลงทุนทำคลิปให้เรา ถ้าไม่ให้ใจแล้วก็ทำไม่ได้ เพราะการถ่ายทำคลิปต้องใช้เวลา แต่ผลตอบรับแบบวิน วิน “เราก็ได้ คุณก็ดัง”
สมชัย บอกว่า การจ้างพรีเซ็นเตอร์ เราไม่ได้มองเรื่องคุ้มหรือไม่คุ้ม แต่เป็นการสร้างตัวแทน หรือ representative ซึ่งยังไม่ได้วัดผลออกมาเป็นตัวเลข ดังนั้น จากคำถามที่ว่า มีคนย้ายค่ายตามพรีเซ็นเตอร์คนดังมาแค่ไหนแล้วนั้น ซีอีโอเอไอเอส ยังไม่ขอเปิดเผยตัวเลข บอกเพียงแค่ว่า มีคนทอล์ก (พูดถึง) ผมก็แฮปปี้แล้ว