สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้ออกมารายงานถึงการที่รัฐบาลอินโดนีเซียได้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการกำหนด “อัตราภาษีขั้นต่ำและขั้นสูง” สำหรับบริการรถยนต์ร่วมเดินทางแบบออนไลน์เปรียบเทียบราคาได้ และทำให้ผู้ประกอบการรายเดิมในตลาดลดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ลงว่า ผู้ขับรายใหม่เข้ามาแย่งตลาด
ประเทศอินโดนีเซียเอง ก็เป็นอีกหนึ่งในประเทศที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์การแข่งขันของผู้ให้บริการร่วมเดิมทาง หรือให้บริการแอปพลิเคชั่นเรียกรถโดยสาร จากการเข้ามาของผู้ให้บริการ เช่น อูเบอร์ เทคโนโลยี (Uber Technologies) จากสหรัฐอเมริกา ค่ายแกร็บ (Grab) จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ โก-เจ็ก (GO-JEK) จากอินโดนีเซียนั้น กำลังแข่งกันอย่างหนักเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดให้ได้มากที่สุดในประเทศที่มีประชากรสูงถึง 250 ล้านคน จนส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการแท็กซี่ที่ให้บริการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของอินโดนีเซีย เผยว่า การกำหนดอัตราภาษีสำหรับบริการร่วมเดินทางนี้อยู่ระหว่าง 3,500-6,000 รูเปีย หรือประมาณ 8.92-15 บาทต่อกิโลเมตร สำหรับการให้บริการบนเกาะชวา บาหลีและสุมาตรา ส่วนเกาะอย่างกาลิมันตัน สุราวาสี Nusa Tenggara, Maluku และปาปัว นั้น จะอยู่ระหว่าง 3,700-6,500 รูเปียต่อกิโลเมตร หรือประมาณ 9.4-16 บาท
โดยกฎดังกล่าวจะเริ่มใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ และจะมีการประเมินผลในอีก 6 เดือนข้างหน้า
สำหรับผู้ให้บริการแท็กซี่ที่ถูกกฎหมายของอินโดนีเซียนั้น เป็นบริษัทชื่อ พีที บลูเบิร์ด ทีบีเค และ พีที เอ็กซ์เพรส ทรานซินโด อูทามา ทีบีเค ซึ่งที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นของทั้งสองบริษัทร่วงลงอย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนกังวลว่า จะไม่สามารถแข่งขันกับบริการร่วมเดินทางที่มีอัตราค่าโดยสารถูกกว่าได้
โดยอูเบอร์ได้ส่งอีเมลแจ้งต่อทางรอยเตอร์แล้วว่า เพิ่งได้รับเอกสารจากทางการอินโดนีเซีย พร้อมบอกว่า ยินดีจะทำงานร่วมกับรัฐบาลและจะหาทางทำความเข้าใจกับพาร์ตเนอร์ผู้ขับต่อไป ด้านแกร็บและโก-เจ็ก ยังไม่มีคำตอบใดๆ
ที่มา : https://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000067443