จับให้มั่น คั้น 3 เทรนด์สำคัญจากโฆษณา ‘YouTube’ ยอดนิยม ครึ่งปีแรก

เจาะ 3 เทรนด์สำคัญ จาก 10 อันดับโฆษณาบน YouTube ที่ได้รับความนิยมในช่วงครึ่งปี 2017 สร้างเรื่องราวใช้เพลงดึงคนดู นำอินฟลูเอ็นเซอร์มาใช้

แพลตฟอร์มยูทิวบ์เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการทำการตลาดบนโลกออนไลน์ แบรนด์เลือกที่จะนำโฆษณามาลงมากขึ้นเพราะไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลา และราคายังไม่แพงเท่ากับโฆษณาทีวี

แต่แบรนด์และคนทำโฆษณาเองก็ต้องเผชิญกับความท้าทายด้วยว่า จะทำโฆษณาแบบไหนจึงจะไม่โดนข้าม หรือ Skip

กูเกิล ประเทศไทย จึงได้จัด 10 อันดับโฆษณาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด  (YouTube Ads Leaderboard) พร้อมกับอัพเดตเทรนด์ในทำโฆษณาในแต่ละช่วง เพื่อให้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภค และให้ผู้บริโภคสนใจในการรับชมโฆษณาให้ได้

ไมเคิล จิตติวาณิชย์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด Google ประเทศไทย บอกถึงข้อมูลจากโฆษณาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงครึ่งปี 2560 พบ 3 เทรนด์โฆษณาที่น่าสนใจ

1. เน้นการเล่าเรื่องราวมากกว่าขายของ

สิ่งที่ดึงดูดให้ผู้บริโภคเลือกดูโฆษณาได้คือตัวคอนเทนต์ แบรนด์มีการเลือกในการเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่แบรนด์ต้องการสื่อสารให้กับผู้บริโภค เรื่องราวนั้นจะเชื่อมโยงถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วย คอนเทนต์นั้นๆ อาจจะเป็นเรื่องดราม่าซึ้งกินใจ หรือบันเทิง

ความยาวของโฆษณาเท่าใดนั้น ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ขึ้นอยู่กับคอนเทนต์มากกว่า เพราะถ้าดูจากโฆษณาที่ติดอันดับมีตั้งแต่ 1 นาที – 11 นาที เพียงแต่ต้องเข้าใจว่าคอนเทนต์ที่มีเป็นแบบไหน และทำให้เหมาะสม

แบรนด์ต้องนึกถึงช่วงเวลาที่จะเอ็นเกจกับผู้บริโภค จะมีช่วงเวลาที่แตกต่างกัน บางทีโฆษณาที่ยาว 6 วินาทีแต่สื่อสารครบถ้วนก็เข้าถึงผู้บริโภคได้ อาจจะทำควบคู่กับคอนเทนต์ที่ยาวหลายนาทีเพื่อกระตุ้นการรับรู้ของผู้บริโภค

2. คอนเทนต์เพลงมาแรง 

ในช่วงหลายปีก่อนคอนเทนต์แบบซึ้งๆ จะได้รับความนิยม แต่ในช่วงปีที่ผ่านมานี้แบรนด์เริ่มทำคอนเทนต์บันเทิงมากขึ้น เพราะหามุมมองการสื่อสารใหม่ๆ คอนเทนต์รูปแบบเพลงมาแรงที่สุด ทั้งโฆษณาที่มีเพลงประกอบ หรือการทำเพลงขึ้นมาใหม่ และทำมิวสิกวิดีโอโดยเฉพาะ ยิ่งเห็นมากขึ้น

จาก 10 อันดับโฆษณานี้จะพบว่า มี 5 โฆษณาที่ใช้เพลงเป็นส่วนประกอบ แสดงให้เห็นว่าแบรนด์เริ่มจับอินไซต์ของผู้บริโภคในการเสพสื่อได้ว่า คนไทยชอบคอนเทนต์บันเทิง และชอบฟังเพลงมากที่สุด

3. ใช้ Influencer มีส่วนร่วม

โฆษณาในโทรทัศน์จะนิยมใช้ดารา นักแสดงเป็นพรีเซ็นเตอร์ การทำโฆษณาในยูทิวบ์ไม่ต่างกัน เพียงแต่ทิศทางมีการใช้ผู้มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ และออฟไลน์มามีส่วนร่วม อาจจะเป็นเน็ตไอดอล หรือเป็นคนผลิตคอนเทนต์ในยูทิวบ์ เพราะคนเหล่านี้มีฐานแฟนคลับในโลกออนไลน์ เป็นเทรนด์ที่แบรนด์เริ่มมีการใช้มากขึ้น

โดยพบว่า 8 ใน 10 โฆษณาได้มีการใช้อินฟลูเอ็นเซอร์เพื่อช่วยเพิ่มความน่าสนใจ ชี้ให้เห็นว่าบุคคลที่มีชื่อเสียงไม่ว่าจะโลกออนไลน์ หรือออฟไลน์ก็ยังเป็นที่สนใจของคนไทยอยู่

ส่องพฤติกรรมคนไทยในการเสพวิดีโอคอนเทนต์

ประเทศไทย ยังคงติด 1 ใน 10 ของประเทศที่มีชั่วโมงการดูยูทิวบ์มากที่สุดในโลก โดยข้อมูลจากการศึกษาของ TNS ระบุว่า คนไทยที่เข้าชมยูทิวบ์กว่า 71% เข้ามาดูมากกว่า 1 ครั้งในแต่ละวัน และ 89% เข้าใช้งานทุกวัน

ประกอบกับในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา วิธีการรับชมส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนเดสก์ท็อป แต่ยอดการดูบนสมาร์ทโฟนเติบโตมากกว่า 90% ในแต่ละปี และพบว่า 61% ใช้เวลาบนยูทิวบ์มากกว่าบนทีวี แสดงให้เห็นถึงระยะเวลาการรับชมที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนรูปแบบคอนเทนต์ที่คนไทยนิยมก็เปิดกว้างมากขึ้น จากเดิมที่ดูคอนเทนต์จากผู้ผลิตรายใหญ่ที่เป็นสถานีโทรทัศน์ ค่ายเพลง เริ่มเปิดใจให้กับผู้ผลิตคอนเทนต์รายใหม่ๆ และมีการดูคอนเทนต์กลุ่มใหม่ๆ มากขึ้นด้วย เช่น เกม แม่และเด็ก ท่องเที่ยว และบิวตี้ จากเดิมที่จะเน้นที่กลุ่มบันเทิง เพลง ภาพยนตร์ต่างๆ เท่านั้น

สอดคล้องกับตลาด Content Creator ที่มีการเติบโตในปีที่ผ่านมามีช่องที่มีผู้ติดตามเกิน 1 ล้านคนถึง 55 ช่อง เติบโต 2 เท่าในช่วง 1 ปี และมีการอัปโหลดวิดีโอมากกว่า 1 ล้านชั่วโมงในช่วง 1 ปี

คนไทยใช้เวลาออนไลน์ 8 ชั่วโมง แต่ความสนใจสั้นลงเพียง 8 วินาที

จากผลสำรวจพบว่าคนไทยใช้เวลาบนออนไลน์รวม 8.3 ชั่วโมง เป็นการใช้เวลาผ่านมือถือ 4 ชั่วโมง ในขณะที่ใช้เวลาดูทีวี 2.3 ชั่วโมง (อ้างอิง Global web index) และมีพฤติกรรม Second Screening จะเล่นมือถือระหว่างดูทีวี 75% และเล่นคอมพิวเตอร์ 35%

ยิ่งใช้เวลาบนออนไลน์เยอะเท่าไหร่ แต่ความสนใจจะสั้นลงเรื่อยๆ จากหลายปีก่อนมีความสนใจคอนเทนต์ออนไลน์ในช่วงเวลา 12 วินาที แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 8 วินาทีเท่านั้น

จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายนักการตลาดให้ทำคอนเทนต์เข้าภึงผู้บริโภคในขณะที่มีสิ่งเร้ารอบตัวผู้บริโภค


อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง
โฆษณายอดนิยมบน YouTube ช่วงครึ่งปีแรก’60 8 ใน 10 เป็นคอนซูเมอร์โปรดักส์