เลิกแจกขนม โหลดกระเป๋าฟรี จุดยืนที่เปลี่ยนไปของ “นกแอร์”

หลังจากที่สายการบิน “นกแอร์” ได้ประกาศยกเลิกแจกขนมบนเที่ยวบิน เหลือแต่น้ำเปล่า หลังจากยกเลิกโหลดกระเป๋าฟรีสำหรับตั๋วโปรโมชั่นไปแล้ว แถมยังเพิ่มรายได้ด้วยการขายอาหารร้อนบนเครื่อง และนี่คือ “จุดยืน” ที่เปลี่ยนไปสู่การเป็น “โลว์คอสต์” แบบเต็มตัว

รายงานข่าวแจ้งว่า บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสาร (Nok Smile Agent) ว่า ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. เป็นต้นไป จะยกเลิกการให้บริการขนมบนทุกเที่ยวบิน แต่ยังคงให้บริการน้ำดื่มขนาด 150 มิลลิลิตร และชา กาแฟ สำหรับผู้โดยสารในที่นั่งพรีเมียมซีท (Premium Seat) โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้เกิดความสะดวกในการพัฒนารูปแบบการให้บริการด้านอื่นๆ ของสายการบินที่อาจมีเพิ่มในอนาคต

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมา สายการบินนกแอร์เริ่มจำหน่ายบริการจำหน่ายอาหารร้อนบนเที่ยวบินที่บินด้วยเครื่องบินโบอิง 737 โดยมีให้เลือก 3 เมนู ได้แก่ ข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว สปาเก็ตตี้ซอสไก่ และผัดหมี่ฮ่องกงเจ จากปกติที่จะมีการจำหน่ายขนมขบเคี้ยว บะหมี่ และโจ๊กกึ่งสำเร็จรูป เครื่องดื่มร้อน เครื่องดื่มเย็น รวมทั้งสินค้าที่ระลึกบนเที่ยวบิน

นอกจากนี้ ที่ผ่านมา สายการบินนกแอร์ได้เริ่มงดให้บริการบางอย่าง เช่น การโหลดกระเป๋าฟรี จากเดิมที่ผู้โดยสารที่ซื้อบัตรโดยสาร โปรโมชันจะโหลดกระเป๋าได้ฟรีไม่เกิน 15 กิโลกรัม แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ผู้โดยสารที่ทำการจองบัตรโดยสารประเภทโปรโมชัน (Nok Promo) ยังไม่รวมน้ำหนักกระเป๋า 15 กิโลกรัม หากมีสัมภาระที่ต้องการลงทะเบียน (โหลดใต้ท้องเครื่อง) หากซื้อล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนเวลาเดินทาง จะคิดราคาเริ่มต้นที่ 15 กิโลกรัม 350 บาท สูงสุด 40 กิโลกรัม 1,400 บาท หากซื้อที่สนามบิน ค่าน้ำหนักสัมภาระ 15 กิโลกรัมแรก จะคิดค่าธรรมเนียม 900 บาท ส่วนเกินกิโลกรัมละ 300 บาท ยกเว้นคนที่เป็นสมาชิกนกแฟนคลับ สามารถโหลดใต้ท้องเครื่องได้ฟรี 5 กิโลกรัม และนกสไมล์พลัส ฟรี 10 กิโลกรัม

อ่านประกอบ : โหลดกระเป๋าไม่ฟรีแล้ว! “นกแอร์” เก็บเงินค่าสัมภาระใต้ท้องเครื่อง สำหรับตั๋วราคาโปรโมชัน

แม้ว่านโยบายการงดแจกขนมไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกกับนกแอร์เท่านั้น โดยสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ ระงับการให้บริการอาหารว่างที่แจกฟรีในแต่ละเที่ยวบินตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้แก่ ขนมเวเฟอร์ หรือคุกกีชิ้นเล็กๆ มูลค่า 5 – 6 บาท และน้ำดื่มขวดเล็ก 330 มิลลิลิตร 1 ขวด มูลค่า 5 บาท แต่ยังคงให้บริการสัมภาระเช็กอินฟรี 15 กิโลกรัม และเลือกที่นั่งได้ฟรี

แต่สำหรับ “นกแอร์” นั้น นับตั้งแต่เริ่มต้นเปิดให้บริการ ได้วาง “จุดยืน” ของการเป็นสายการ “พรีเมียม โลว์คอสต์” เพื่อต้องการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งอย่างแอร์เอเชียที่เข้าสู่ตลาดในช่วงเวลาใกล้คียงกัน ด้วยการเพิ่มบริการ เช่น แจกขนมและน้ำฟรี ให้โหลดกระเป๋าได้ฟรี 15 กิโลกรัม จองที่นั่งได้ แต่ในที่สุด “นกแอร์” ต้องตัดสินใจยกเลิกบริการดังกล่าว หลังจากที่ประสบปัญหาผลประกอบการขาดทุนมาตลอด จนนำไปสุ่การตัดสินใจลดค่าใช้จ่ายลง ซึ่งเป็นผลให้จุดยืนของนกแอร์จากนี้ต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็น “โลว์คอสต์” เต็มตัว

ส่วนสายการบินโลว์คอสต์แอร์ไลน์ที่ไม่มีการแจกของว่างและขนมมาโดยตลอดคือสายการบินแอร์เอเชีย ซึ่งมีบริการอาหารร้อนที่ต้องสั่งจองล่วงหน้า บริการจำหน่ายขนมขบเคี้ยว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เครื่องดื่มร้อน เครื่องดื่มเย็น รวมทั้งสินค้าที่ระลึกบนเที่ยวบิน ส่วนบริการสัมภาระเช็กอินต้องซื้อต่างหาก ซึ่งจุดเด่นของสายการบินดังกล่าว คือ ราคาโปรโมชัน ที่หากเป็นแคมเปญบิ๊กเซลล์ (BIG SALE) จะถูกลงเป็นพิเศษ


ที่มา : https://manager.co.th/OnlineSection/ViewNews.aspx?NewsID=9600000071928