นับเป็นการปิดดีล ซื้อกิจการร้าน “เคเอฟซี” ล็อตสุดท้าย จำนวน 240 สาขา หลังจากที่ ยัม เรสเทอรองตส์ ได้ประกาศขายตั้งแต่ต้นปี โดยมีกลุ่มไทยเบฟ ควักเงินลงทุน 11,300 เพื่อดีลในครั้งนี้
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ว่า บริษัท คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ทำสัญญาซื้อขายสินทรัพย์ กับบริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อซื้อกิจการ “ร้านเคเอฟซี” ในประเทศไทย ที่มีอยู่กว่า 240 แห่ง และที่กำลังจะเปิดให้บริการอีก 2 แห่ง ด้วยมูลค่าประมาณ 11,300 ล้านบาท รวมถึงสาขาที่มีแผนจะเปิดให้บริการในอนาคตด้วย เพื่อให้ไทยเบฟเข้าสู่ธุรกิจร้านอาหารที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ด้วยธุรกิจร้านอาหารแบบฟาสต์ฟู้ด
อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อกิจการขึ้นอยู่กับจำนวนร้านเคเอฟซีที่มีอยู่เมื่อครบกำหนด และการพิจารณาเพิ่มเติมสำหรับร้านเคเอฟซีที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาตามที่กำหนดไว้ คาดว่าการซื้อกิจการเคเอฟซีของไทยเบฟฯ จะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนธันวาคม 2560
นงนุช บูรณะเศรษฐกุล รองประธานฝ่ายธุรกิจด้
นี่คือองค์ประกอบสำคัญในการเติ
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา ยัม เรสเทอรองตส์ฯ ได้ประกาศหาผู้ที่สนใจเข้ามาซื้อกิจการสาขาของร้านเคเอฟซีในไทยทั้งหมด ที่บริหารโดยยัมฯ 244 สาขา โดยได้แต่งตั้งให้บริษัท ไพร้ซ์ วอเตอร์ เฮาส์ เป็นที่ปรึกษาการซื้อขาย ในเวลานั้นร้านเคเอฟซีในไทยมีทั้งหมดเกือบ 600 สาขา แบ่งเป็นของ ยัม เรสเทอรองตส์ ฯ 244 สาขา, บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี) บริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล ซื้อแฟรนไชส์เปิดสาขาในเซ็นทรัลและโรบินสัน 219 สาขา และบริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด (อาร์ดี) ซึ่งก่อตั้งโดยอดีตผู้บริหารเคเอฟซีเดิม อีก 130 สาขา
ยัม เรสเทอรองตส์ฯ ให้เหตุผลว่า ต้องการปรับกลยุทธ์มาสู่บทบาทของการเป็นผู้ให้บริการแฟรนไชส์ 100% โดยหลังขายกิจการแล้ว จะหยุดการลงทุนขยายสาขา เพื่อปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางแฟรนไชส์ โดยมุ่งเน้นการบริหาร พัฒนาแบรนด์และสนับสนุนแฟรนไชส์ เพื่อให้การขยายสาขา การตลาด การพัฒนาต่างๆ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งแฟรนไชส์จะเป็นผู้ลงทุนสาขา ส่วนงบการตลาดนั้นจะมาจากการหักเปอร์เซ็นต์จากยอดขายของแต่ละรายเพื่อเข้ากองกลาง โดยมีทีมการตลาดของยัมฯ เป็นผู้ดูแลบริหาร ตั้งเป้าหมายให้มีร้านเคเอฟซีในไทยครบ 800 สาขา ภายในปี 2563
นับการรุกเข้าสู่ธุรกิจ “อาหาร” ในรูปแบบฟาสต์ฟู้ด ของกลุ่มบริษัทไทยเบฟเวอเรจฯ ซึ่งมีธุรกิจร้านอาหารอยู่ในมือภายใต้แบรนด์ “โออิชิ” มาจากการซื้อกิจการ บริษัท บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด ต่อจาก ตัน ภาสกรนที ผู้ก่อตั้งเมื่อปี 2549 กระทั่งต่อมาได้เข้ามาบริหารเบ็ดเสร็จ และตันลาออกจากโออิชิ กรุ๊ป ซึ่งมีทั้งธุรกิจอาหาร ประกอบด้วย ร้านโออิชิ แกรนด์, ร้านโออิชิ บุฟเฟต์, ร้านชาบูชิ และร้านโออิชิ ราเมน รวมทั้งยังมีธุรกิจอาหารพร้อมรับประทาน และธุรกิจเครื่องดื่ม ชาเขียวสำเร็จรูป เป็นต้น มีทุนจุดทะเบียนและชำระแล้วเป็น 300 ล้านบาท และมีบริษัทย่อยจำนวน 2 บริษัท คือ บริษัท โออิชิ ราเมน จำกัด และ บริษัท โออิชิ เทรดดิ้ง จำกัด