นอร์เวย์เปิดโปรเจ็คสร้าง “ดาต้าเซนเตอร์” ที่ใหญ่ที่สุดเป็น 1 ใน 3 ของโลกแล้ว โดยจะตั้งอยู่ในเมือง Ballangen ทางตอนเหนือของประเทศ
สำหรับบริษัทเจ้าของโปรเจ็คนี้ก็คือ โคโลส (Kolos) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างสหรัฐอเมริกาและนอร์เวย์โดยบริษัท Kolos ให้เหตุผลว่า อากาศเย็นในภูมิภาคนี้เป็นข้อดีที่ทำให้โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นได้ เพราะเท่ากับช่วยบริษัทประหยัดค่าไฟลงได้มาก
สำหรับพลังงานที่จะใช้ในดาต้าเซนเตอร์แห่งนี้ในช่วงเริ่มต้น คาดกันว่าจะอยู่ที่ 70 เมกะวัตต์ แต่ภายใน 10 ปีคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 เมกะวัตต์
แต่ไม่ใช่เฉพาะ Kolos ที่สนใจตั้งดาต้าเซนเตอร์ที่นี่ เพราะเฟซบุ๊ก (Facebook) ก็มีศูนย์ดาต้าเซนเตอร์ขนาดใหญ่อยู่ใกล้ ๆ เช่นกัน โดยอยู่ห่างจาก Ballangen ออกไปประมาณ 385 กิโลเมตร แต่ศูนย์ดาต้าเซนเตอร์ของเฟซบุ๊ก นั้นใช้พลังงานราว 120 เมกะวัตต์เท่านั้น
สำหรับดาต้าเซนเตอร์ของ Kolos นั้น สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า หากการก่อสร้างแล้วเสร็จ พื้นที่ของดาต้าเซนเตอร์นี้จะมีประมาณ 600,000 ตารางเมตร และมีถึง 4 ชั้น ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่ใหญ่แซงหน้าดาต้าเซนเตอร์ในเมือง Langfang ประเทศจีนที่ปัจจุบันเป็นเบอร์หนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องสถานที่แล้ว นอร์เวย์มีหลายส่วนที่ถือว่าได้เปรียบเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่น ๆ ทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่น ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่นี่ถือว่ามีราคาถูกที่สุดในสหภาพยุโรป และ 100 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานที่ใช้ไปนั้นเป็นพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
อีกทั้งสภาพอากาศที่หนาวเย็นจะเป็นตัวช่วยรักษาอุณหภูมิให้กับเซิร์ฟเวอร์ได้ดีโดยไม่ต้องใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยใด ๆ
นอกจากนั้น ที่นี่ยังมีแหล่งน้ำเย็นที่สะอาดสำหรับใช้ในการหล่อเย็นเซิร์ฟเวอร์ได้แบบไม่จำกัด และมีสถาบันการศึกษาชั้นนำตั้งอยู่ ซึ่งสามารถผลิตนักศึกษาในสาขาเทคโนโลยีได้ประมาณ 200 คนต่อปี ทำให้บริษัทไม่ต้องกังวลเรื่องการหาคนทำงานด้วย
ส่วนข่าวดีอันดับสุดท้ายอาจเป็นการที่เจ้าหน้าที่รัฐของนอร์เวย์ให้การสนับสนุนบริษัทต่าง ๆ มาลงทุนสร้างโปรเจ็คในลักษณะนี้ที่นอร์เวย์กันให้มาก ๆ เช่น มีการเตรียมลดภาษีให้กับผู้ประกอบการด้วย
โดยทาง Kolos คาดว่าโปรเจ็คดังกล่าวจะทำให้เกิดการจ้างงาน 2,000 – 3,000 ตำแหน่งขึ้นในพื้นที่ด้วย และเป็นไปได้ว่าจะทำให้เศรษฐกิจในย่านดังกล่าวกลับมาคึกคักอีกครั้งด้วย
ที่มา : manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000083969