ศึกชิงมิวสิกสตรีมมิ่ง JOOX vs Apple Music vs Spotify 

ตลาดมิวสิกสตรีมมิ่งในไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อ สปอติฟาย (Spotify) ได้ฤกษ์เปิดให้บริการในไทยอย่างเป็นทางการ เพราะต่อจากนี้ไปจะไม่ได้มีแค่บริการสุดฮิตที่มีมาก่อนหน้าอย่าง JOOX หรือ Apple Music เท่านั้น แต่จะมีอีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ในชื่อ Spotify เพิ่มเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ผู้ใช้ชาวไทยได้เลือกใช้งานกัน

แน่นอนว่าเมื่อมีตัวเลือกมากขึ้น ผู้บริโภคก็ยังอาจตัดสินใจไม่ได้ว่าสุดท้ายแล้วจะเหมาะสมกับบริการใด เลยเลือกจับบริการสุดฮิตในตลาดมิวสิกสตรีมมิ่งทั้ง 3 ตัวได้แก่ JOOX Apple Music และ Spotify มาถอดจุดขายข้อสังเกตกันทุกรายละเอียด โดยจะแบ่งเป็นหัวข้อตามประเด็นที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังสนใจและพูดถึงในปัจจุบัน

1. คอนเทนต์เพลง

JOOX – ถึงแม้จะเป็นผู้ให้บริการหน้าใหม่ เมื่อเทียบกับอีก 2 ผู้ให้บริการ แต่ JOOX เลือกใช้วิธีการให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย สามารถใช้งานได้ฟรีผ่านหน้าเว็บมิวสิก สนุกดอทคอม ทำให้ทุกคนสามารถกดฟังเพลงได้ทันทีโดยไม่ต้องล็อกอิน

โดยในประเทศไทย JOOX จะเน้นเพลงวัยรุ่นทั้งไทยและสากลในกระแสเป็นหลัก เพลงนอกกระแส ค่ายเล็ก โดยเฉพาะเพลงอินดี้ต่างประเทศที่ศิลปินมักออกทุนผลิตเพลงเองจะมีให้เลือกฟังจาก JOOX น้อยมาก

Apple Music – เพราะแอปเปิลเป็นผู้ให้บริการขายเพลงผ่านระบบ iTunes มาก่อน ทำให้ Apple Music มีเพลงในคลังทั้งไทยและสากลมากกว่า 40 ล้านเพลง จึงกลายเป็นจุดเด่นสำคัญไปโดยปริยาย พร้อมกับความง่ายในการเข้าถึงของผู้ใช้สินค้าในตระกูล iOS

โดยเฉพาะเพลงนอกกระแสจากค่ายเล็กใหญ่ทั้งไทยและเทศที่มักมีให้เลือกฟังผ่าน Apple Music มากกว่าบริการอื่น อีกทั้งในบ้านเรา Apple Music ยังถือว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งฟังเพลงออนไลน์สำหรับคนชอบฟังเพลงวัยรุ่นเกาหลี K-POP อีกด้วย

Spotify – น้องใหม่สุดในบ้านเรา แต่สำหรับระดับโลกถือว่า Spotify อยู่ในตลาดสตรีมมิ่งมาเกือบ 10 ปีแล้ว ด้านคอนเทนต์เพลงของผู้ให้บริการนี้จะคล้ายกับ Apple Music คือมีเพลงทั้งไทยและสากลทั้งในกระแสและนอกกระแสให้เลือกฟังเช่นเดียวกัน

แต่ปัจจุบันในตลาดไทยเพลงอาจน้อยกว่าทั้ง Apple Music และ JOOX โดยเฉพาะเกาหลี K-POP ที่ปัจจุบันยังไม่หลากหลาย ส่วนเพลงนอกกระแสต่างประเทศถือว่า Spotify เป็นผู้นำด้วยเครือข่ายขนาดใหญ่ จุดนี้อาจต้องรอดูอนาคตเพราะ Spotify เพิ่งเข้ามาทำตลาดในไทย ส่วนตลาดโลกก็เรียกได้ว่า Spotify เป็นอีกหนึ่งคลังเพลงออนไลน์ขนาดใหญ่ระดับ 30 ล้านเพลงขึ้นไป

Apple Music จะให้คุณภาพเสียง 256 Kbps AAC มาตรฐานเดียว

2. จุดขายเด่น

JOOX – เพราะเป็นการร่วมมือกับสนุกดอทคอมทำให้ JOOX มีจุดขายในเรื่องบริการด้านข่าวบันเทิง มีวิดีโอเล่นดนตรีสด เวอร์ชันพิเศษเฉพาะ JOOX และมีวิทยุเลือกจัดเพลงตามธีมต่างๆ รวมถึงมีเพลย์ลิสต์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากระบบของ Spotify เช่นวันนี้อยากออกกำลังก็สามารถเลือกเพลย์ลิสต์รวมเพลงที่เหมาะกับการออกกำลังกายได้ทันที

นอกจากนั้นคอนเทนต์ส่วนใหญ่บน JOOX จะสามารถเข้าใช้งานได้ฟรีแต่แลกกับมีการต้องฟังโฆษณา หรือจะเลือกเสียเงินก็จะได้รับคุณภาพเสียงที่สูงขึ้น และโหลดมาฟังแบบออฟไลน์บนสมาร์ทโฟนได้

Apple Music – มีจุดขายสำคัญในเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการช่วยผู้ใช้คัดเลือกและสร้างเพลย์ลิสต์โดยอ้างอิงจากแนวเพลงที่ชอบฟังให้แบบอัตโนมัติ รวมถึงมีระบบ Connected กับศิลปินที่เราชื่นชอบ เปรียบเสมือนศิลปินมีบล็อกส่วนตัวเขียนให้แฟนเพลงติดตามรวมถึงมีวิทยุออนไลน์ฟังเพลงแบบ Non Stop หรือจะเลือกฟังแบบมีผู้ดำเนินรายการก็ได้

Spotify – ฟีเจอร์เด่นที่ทำให้ Spotify มีชื่อเสียงมาถึงทุกวันนี้ก็คือระบบการจัดเพลย์ลิสต์เพลงที่หลากหลายครอบคลุมทุกอารมณ์ของคนฟังมากที่สุด รวมถึงมีระบบแจ้งเตือนเมื่อศิลปินที่เราติดตามออกเพลงใหม่ อีกทั้งคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย Spotify จะมีโหมดพิเศษที่ชื่อว่า ‘Running’ โดยโหมดนี้จะตรวจจับความเร็วในการวิ่งของเราและจัดลิสต์เพลงที่เหมาะสมแต่ละช่วงความเร็วให้โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการจัดเพลย์ลิสต์ร่วมกับระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวในโทรศัพท์

นอกจากนั้นปัญญาประดิษฐ์ใน Spotify ยังช่วยเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้และช่วยในการจัดเพลย์ลิสต์ให้เราอัตโนมัติ เช่น Discovery Weekly และสุดท้าย Spotify ยังรองรับอุปกรณ์ที่ใช้งานได้หลากหลายที่สุดตั้งแต่สมาร์ททีวี เครื่องเกมคอนโซน สมาร์ทโฟน แท็บเล็ตและคอมพิวเตอร์ โดยผู้ใช้สามารถฟังเพลงข้ามไปมาระหว่างอุปกรณ์แบบไร้รอยต่อ หรือถ้าฟังเพลงในคอมพิวเตอร์อยู่ก็สามารถกดเปลี่ยนเพลงจากสมาร์ทโฟนได้ทันที 

ปัญญาประดิษฐ์ใน Spotify จะเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้และจัดเพลย์ลิสต์ให้เราอัตโนมัติ

3. คุณภาพเสียง

JOOX – สำหรับการใช้งานฟรี คุณภาพเสียงจะอยู่ที่ 128 Kbps ส่วนถ้าสมัครใช้บริการรายเดือนแบบ VIP จะได้คุณภาพเสียงสูงถึง 192 Kbps และบางเพลงสามารถฟังแบบคุณภาพ HiFi 1,411Kbps ได้ด้วย

Apple Music – จะให้คุณภาพเสียง 256 Kbps AAC มาตรฐานเดียว

Spotify – รองรับการสตรีมมิ่งเพลงที่ความละเอียดสูงสุด 320 Kbps ทุกเพลง ส่วนค่าต่ำสุด 96 Kbps 

JOOX เลือกใช้วิธีการให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย สามารถใช้งานได้ฟรีผ่านหน้าเว็บมิวสิก สนุกดอทคอม ทำให้ทุกคนสามารถกดฟังเพลงได้ทันทีโดยไม่ต้องล็อกอิน

 4. ราคา

JOOX – การบอกรับสมาชิก (VIP) สามารถเลือกจ่ายเงินได้ 3 ช่องทางได้แก่ 1.บัตรเงินสด TrueMoney, 12Call, DTAC 2.ซื้อบัตรเงินสด JOOX VIP มีราคาเริ่มต้นที่ 20 บาทใช้ได้ 5 วันจนถึง 1,000 บาทใช้ได้ 328 วัน 3.จ่ายผ่านบัตรเครดิต เริ่มต้น 129 บาทต่อเดือน

Apple Music – เริ่มต้นแบบบุคคลอยู่ที่ 129 บาทต่อเดือน รายปี 1,300 บาท แบบครอบครัวได้สูงสุด 6 คนตกเดือนละ 199 บาท และสุดท้ายนักศึกษาเดือนละ 69 บาท

Spotify – บอกรับสมาชิก ค่าบริการแบบ Premium บุคคลตกเดือนละ 129 บาท รายปี 1,548 บาท แบบครอบครัวตกเดือนละ 199 บาท รองรับการจ่ายเงินผ่านเครือข่าย DTAC สามารถเลือกจ่ายเป็นรายวันเริ่มต้น 8 บาท รายสัปดาห์ 39 บาท รายเดือน 139 บาท และราย 3 เดือน 417 บาท


ที่มา : manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000087469