สปอติฟาย (Spotify) ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 โดยบริษัทมีกำไรทำสถิติอีกครั้ง จากมาตรการไม่ว่าจะเป็น การลดต้นทุน การปลดพนักงาน หรือแม้แต่การขึ้นราคาแพ็กเกจ จากแรงกดดันของนักลงทุน เพื่อบริษัทจะได้กลับมามีกำไรได้อย่างสม่ำเสมออีกครั้ง
Spotify ประกาศผลประกอบการของไตรมาส 1 ที่ผ่านมา โดยบริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 168 ล้านยูโร ขณะที่กำไรขั้นต้นของบริษัทได้แตะหลัก 1,000 ล้านยูโรเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งผลกำไรดังกล่าวนั้นมาจากกลยุทธ์ของบริษัทที่ลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง และปรับราคาแพ็กเกจ
ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้เร่งในการลดต้นทุน เช่น การปลดพนักงาน 1,500 รายช่วงปลายปี 2023 ซึ่ง Daniel Ek ผู้บริหารสูงสุดของ Spotify เคยกล่าวว่าบริษัทมีพนักงานมากเกินไป และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ทำให้บริษัทต้องกลับมารีดไขมันองค์กรให้มีประสิทธิภาพอีกครั้ง
นอกจากนี้ Spotify ยังได้งัดแผนการสำคัญคือการประกาศขึ้นราคาแพ็กเกจทั่วโลกในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2023 โดยให้เหตุผลว่าเพื่อที่จะสามารถส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าที่เป็นผู้ฟังเพลง รวมถึงศิลปิน ซึ่งประกาศดังกล่าวนี้มีผลต่อผู้ใช้งานทั่วโลก
ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทมีผู้ใช้งานเติบโตเพิ่ม 14% ทำให้บริษัทมีสมาชิกทั้งหมด 239 ล้านคน มีรายได้รวม 3,600 ล้านยูโร และมีกำไรขั้นต้นแตะ 1,000 ล้านยูโร ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วอยู่ที่ 168 ล้านยูโร
สาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทต้องเร่งแผนในการปรับขึ้นราคาแพ็กเกจ หรือแม้แต่การลดต้นทุน ก็คือ แรงกดดันจากนักลงทุนที่ต้องการที่จะให้บริษัทกลับมามีกำไรอีกครั้ง หลังจากที่บริษัทมีผลประกอบการรายปีขาดทุนนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา แม้ว่าจำนวนผู้ใช้งานจะเพิ่มขึ้นก็ตาม
ขณะเดียวกันเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทยังมีแผนที่จะปรับขึ้นราคาในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย เพื่มเติมด้วย ซึ่งประเทศดังกล่าวถือเป็นตลาดหลักของ Spotify
ข้อมูลจาก S&P Global Market Intelligence ได้รวบรวมข้อมูลจากนักวิเคราะห์ ชี้ว่าภายในปีนี้บริษัทจะกลับมามีกำไรได้เต็มปี ซึ่งแตกต่างกับในอดีตที่บริษัทไม่สามารถทำกำไรได้ตลอด