ต่อยก่อนได้เปรียบ! เปิดกลยุทธ์ “เรดดี้” บุกเบิกชูกำลังพรีเมี่ยม ปิดจุดอ่อนภาพลักษณ์ใช้แรงงาน

ถึงแม้ว่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในต่างประเทศจะมีมูลค่ามหาศาล และมีกลุ่มคนดื่มที่กว้างตั้งแต่คนทำงาน ไปยังกลุ่มคนหนุ่มสาว เพราะภาพลักษณ์จะค่อนข้างทันสมัย เป็นเครื่องดื่มให้พลังงานโดยตรง ทำให้มีคนดื่มที่หลากหลาย

ต่างจากในประเทศไทยที่เครื่องดื่มชูกำลัง หรือเครื่องดื่มให้พลังงานมีจุดอ่อนที่ภาพลักษณ์จะเป็นเครื่องดื่มสำหรับกลุ่มคนใช้แรงงาน แบรนด์ใหญ่ๆในไทยก็เน้นตลาดที่กลุ่มนี้เป็นหลัก ทั้งเอ็ม 150, กระทิงแดง, คาราบาวแดง ทำให้ภาพของเครื่องดื่มชูกำลังในไทยเป็นขวดสีชา ราคา 10 บาทมาช้านาน

แต่ที่จริงแล้วในประเทศไทยยังมีกลุ่มคนที่ต้องการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังอีกมาก กลุ่มคนทำงาน คนรุ่นใหม่ นักศึกษาที่มีกิจกรรมเยอะ จึงเกิดเป็นช่องว่างทางการตลาดขนาดใหญ่ที่ทำให้กลุ่ม TCP หรือ ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม ปั้นแบรนด์เรดดี้ขึ้นมาเปิดตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานระดับพรีเมี่ยม

แบรนด์เรดดี้ได้แจ้งเกิดเป็นเวลา 10 ปีแล้ว วางจุดยืนเป็นระดับพรีเมี่ยมในราคา 15 บาท พร้อมเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งเป็นขวดแก้วใสทรงสูง และเครื่องดื่มเป็นสีสันต่างๆ ตามสูตร เป็นลูกผสมกับฟังก์ชันนัลดริ้งก์ด้วย

สุรชัย จงเลิศวราวงศ์ ผู้อำนวยการสายการตลาด กลุ่มธุรกิจ TCP ได้เล่าให้ฟังว่าด้วยภาพลักษณ์ของเครื่องดื่มชูกำลังในไทยเป็นเครื่องดื่มกลุ่มใช้แรงงานมากกว่า ทำให้อัตราการดื่มน้อย กลุ่มผู้บริโภคจำกัด แต่พบว่ามีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเครื่องดื่มให้พลังงานอีกจำนวนมาก ตอนนั้นจึงได้ปั้นแบรนด์เรดดี้ขึ้นมา ได้เข้ามาอุดจุดอ่อนของเครื่องดื่มให้พลังงาน จับกลุ่ม White Collar ที่เป็นคนทำงานอย่างชัดเจน ทำดีไซน์ให้แตกต่างจากชูกำลังทั่วไป

ถ้าดูในตลาดแล้วเรดดี้ถือเป็นแบรนด์แรกที่บุกตลาดชูกำลัง หรือให้พลังงานแบบพรีเมี่ยมชัดเจนที่สุด มีการปั้นแบรนด์ใหม่ที่แยกออกจากกระทิงแดง ปรับแพ็กเกจจิ้ง และวางจุดยืนที่ชัดเจน โดยที่ในตลาดนี้มีแบรนด์อื่นด้วยเช่นกัน อย่าง ลิโพ เอ็มสตรอม ชาร์ค แม้จะมีส่วนผสมที่แตกต่างและวางจุดยืนเป็นพรีเมี่ยม แต่แพ็กเกจจิ้งยังไม่หนีไปจากเดิม

มีเพียงแบรนด์น้องใหม่จากค่ายอิชิตันที่ปั้นแบรนด์ “T247” เมื่อกลางปีมานี้ เป็นเครื่องดื่มชูกำลังจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ มาในขวด PET ราคา 15 บาทพร้อมจัดพรีเซ็นเตอร์ดูโอ้อย่าง สน ยุกต์ และ เจ เจตริน มีการสร้างความแตกต่างมากที่สุด แต่ผลตอบรับก็ยังไม่ปังเท่าไหร่นัก

แหล่งข่าวในวงการเครื่องดื่มชูกำลังได้เปิดเผยเช่นกันว่าภาพลักษณ์ของเครื่องดื่มชูกำลังในไทยเป็นตลาดของคนใช้แรงงาน ติดกับขวดสีชา ราคา 10 บาท ถ้าจะทำพรีเมี่ยมต้องเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้ง หรือเพิ่มจุดขายอื่นเข้าไป มาเล่นในรูปแบบเดิมไม่ได้

ในตอนแรกที่เรดดี้วางตลาดได้จับกลุ่มผู้หญิงเป็นหลัก เพราะต้องการขยายฐานไปกลุ่มผู้หญิงมากขึ้น มีการใช้พรีเซ็นเตอร์อย่าง ชมพู่ อารยา และพลอย เฌอมาลย์ ในยุคแรก เพื่อสร้างการรับรู้ เนื่องจากตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมีฐานคนดื่มเป็นผู้ชายอยู่แล้วราว 70% ทำให้ปัจจุบันเรดดี้มีฐานลูกค้าเป็นผู้หญิง 70% และผู้ชาย 30%

ความท้าทายของเรดดี้ในปีนี้ยังคงเป็นการขยายฐานกลุ่มผู้ดื่มในระดับพรีเมี่ยม ให้คนรุ่นใหม่หันมาดื่มมากขึ้น ทำให้ในปีนี้เรดดี้บุกตลาดหนักขึ้นอีก ทุ่ม 100 ล้านบาท เปิดตัวสินค้า 2 สูตรใหม่ เรดดี้แบล็ก สำหรับผู้ชาย และเรดดี้พิงค์ สำหรับผู้หญิง ปรับสูตรเป็นหวานน้อย และผสมคอลลาเจน ซิงค์ และวิตามินซี พร้อมดึงกันต์ กันตถาวรเป็นพรีเซ็นเตอร์คู่กับมาร์กี้ ราศรีที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อกันเป็นปีที่ 2 แล้ว

ตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานผสมฟังก์ชันนัลดริ้งก์เป็นเทรนด์ระดับโลกที่มีการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ รับกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเครื่องดื่มให้พลังงานแต่ก็อยากดูดีไปด้วย ทำให้ค้องมีการปรับสูตรใหม่ และใช้สูตรหวานน้อยเพราะเทรนด์ดูแลสุขภาพก็มาด้วย

โอกาสของตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานระดับพรีเมี่ยมยังมีอีกมาก เพราะกลุ่มคนทำงาน และคนรุ่นใหม่เป็นผู้บริโภคที่มีศักยภาพ มีกำลังซื้อ มีความต่อเนื่องในการบริโภค เพราะไลฟ์สไตล์คนยุคนี้แอคทีฟอยู่ตลอด ต้องการเครื่องดื่มที่ให้พลังงานอยู่ตลอด

โดยในปี 2559 ตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานระดับพรีเมี่ยมมีมูลค่า 1,400 ล้านบาท เติบโต 6-8% เรดดี้มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่ า 50% มีการคาดการณ์ว่าตลาดจะเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาทในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยที่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังปี 2559 มีมูลค่า 22,000 ล้านบาท เติบโต 1-2%

อย่างไรแล้ว เรดดี้ถือเป็นอีกหนึ่งหัวหอกสำคัญของกลุ่ม TCP ในการทำตลาด โดยการออกสินค้าใหม่ถือเป็นก้าวแรกตามแผนลงทุน 5 ปี เพื่อเป้าหมายรายได้ 100,000 ล้านบาท ตามที่ประกาศวิสัยทัศน์ไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ต่อไปจะมีการทำตลาดแบรนด์อื่นตามมาอีก.