ในช่วงปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงที่ “แสนสิริ” ผู้เล่นใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ หันลงทุนหนักในด้านเทคโนโลยี เพื่อดันตัวเองสู่ความเป็น Proptech อย่างเต็มตัว ซึ่งปีนี้ถือว่าเป็นยุคทรานฟอร์มของแสนสิริอย่างแท้จริง มีการปรับโครงสร้างองค์กร ดึงบุคลากรมีความสามารถ และมีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาให้ลูกบ้านได้ใช้งาน
แสนสิริได้เริ่มปรับตัวตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น Home Service ให้ลูกบ้านได้ใช้งานติดต่อกับนิติบุคคลตามโครงการต่างๆ แต่ในปีที่ผ่านมานี้ได้ลงทุนหนักมากขึ้น ได้สร้าง “น้องแสนดี” หุ่นยนต์สำหรับอำนวยความสะดวก ใช้งานที่โครงการเดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้าอยู่ที่เดียว และมีรถยนต์ไฟฟ้า EV รวมถึงการก่อตั้ง Siri Venture สำหรับลงทุนในสตาร์ทอัพ Proptech โดยใช้เม็ดเงินรวมกว่า 100 ล้านบาทแล้ว โดยเน้นที่การลงทุนในเรื่องของ IoT, AI และบิ๊กดาต้า
ก่อนส่งท้ายปีแสนสิริเลยเปิดโปรเจคต์ใหม่ ถือว่าเป็นโปรเจ็คต์ยักษ์อีกงานหนึ่งในการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วย ทำเป็น Sansiri AI Box ต่อยอดจากแอพพลิเคชั่น Home Service ให้เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะ เป็นการผนึกกำลังกับอีก 2 พันธมิตร ได้แก่ Amazon Web Services และบริษัท เดลิเทค จำกัด ในการช่วยพัฒนาเทคโนโลยี AI ให้รองรับภาษาไทย และใช้เทคโนโลยีคลาวน์
ดร.ทวิชา ตระกูลนิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยี และวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังว่า “ปีนี้เป็ยุคทรานฟอร์มของแสนสิริมีการพัฒนาด้านดิจิทัลหนักขึ้น เพื่อเป็นการเติมประสบการณ์ในการอยู่อาศัย ใช้ชีวิตแบบดิจิทัล จะเน้นการลงทุนเรื่อง IoT, AI และบิ๊กดาต้าเป็นหลัก เพราะสามารถสร้างความยั่งยืนได้“
Sansiri AI Box มีการทำงานเหมือนกับ Alexa ของ Amazon สามารถสั่งงานได้ด้วยเสียงภาษาไทย เป็นคำสั่งพื้นฐานในขีวิตประจำวัน เชื่อมต่อเครื่องใช้ไฟฟ้า สั่งการเปิดปิดไฟ แอร์ โทรทัศน์ ให้ข้อมูลพื้นฐานได้อย่างพยากรณ์อากาศ ข่าวรายวัน จราจร รวมถึงการตรวจสอบค่าน้ำค่าไฟ เช็คพัสดุ การใช้งานห้องส่วนกลาง สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการอย่างห้องโยคะได้
เบื้องต้น Sansiri AI Box ยังไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ ในอนาคตอาจจะใช้ชื่อในตระกูล “แสน” เช่นเดียวกับน้องแสนดีก็เป็นได้ โดยเปิดใช้งานในช่วงไตรมาส 2 ปี 2561 เริ่มจากโครงการคอนโดใหม่ในเซ็กเมนต์ B อย่าง The LINE เพราะมองว่ากลุ่มลุกบ้านเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ เปิดรับเทคโนโลยีได้ดีกว่ากลุ่มอื่น หลังจากนี้ตะดูผลตอบรับก่อนที่จะขยายไปโครงการอื่น
ที่เริ่มต้นกับกลุ่มเซ็กเมนต์ B อย่างโครงการ The LINE เพราะมองว่ากลุ่มนี้มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย ใช้เทคโนโลยีเป็น ตอบรับกับนวัตกรรมที่ไปนำเสนอได้ บางทีกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีเท่าที่ควร
ในช่วงเริ่มต้นเป็นการพัฒนาให้ Sansiri AI Box เข้าใจภาษาไทยให้ได้ได้ก่อน หลังจากนั้นค่อยใส่ความสามารถอื่นๆ เข้าไปเพิ่ม และในอนาคตอาจจะสามารถเชื่อมกับเรื่องอีคอมเมิร์ซได้
การที่ใส่นวัตกรรม Sansiri AI Box เพิ่มเข้ามาในโครงการทุกห้อง ถ้าถามว่าราคาในโครงการจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ ทวิชาบอกว่าถ้าจะเพิ่มราคาคงเป็นจากปัจจัยอื่น ไม่ใช่เพราะเทคโนโลยีตัวนี้โดยตรง เพราะต้องการให้เป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้งานของลูกบ้านให้ดีขึ้น