อาลีบาบาเดินเกมลึก ทุ่ม 1.5 หมื่นล้านเหรียญเปิดศูนย์วิจัยทั่วโลก

อาลีบาบา กรุ๊ป (Alibaba Group) ประกาศทุ่มเงินกว่า 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 498,900 ล้านบาท เปิดตัวฝ่ายวิจัยและพัฒนาในชื่อ “อาลีบาบา ดาโม อะคาเดมี่” (Alibaba DAMO Academy) โดยมีเป้าหมายให้ศูนย์ดังกล่าวพัฒนาบริการที่สามารถรองรับการใช้งานของลูกค้าสองพันล้านราย และสามารถสร้างงานให้ได้หนึ่งร้อยล้านตำแหน่งภายในปี 2036 พร้อมเปิดรับทีมนักวิจัย 100 คนเข้าทำงานแล้ว 

โดยชื่อของดาโม (DAMO) อะคาเดมี่นั้นดึงมาจากอักษรย่อของคำสี่คำได้แก่ Discovery, Adventure, Momentum และ Outlook ซึ่งอาลีบาบาตั้งเป้าว่าจะเปิดศูนย์วิจัยนี้ใน 7 เมืองใหญ่ทั่วโลก ได้แก่ กรุงปักกิ่ง และหังโจว ประเทศจีน, ซานมาเทโอ (San Mateo) และเบลล์วิว (Bellevue) ในสหรัฐอเมริกา, กรุงมอสโคว ในรัสเซีย, กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล และสิงคโปร์ โดยศูนย์ดังกล่าวจะบริหารงานโดยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี เจฟฟ์ ชาง (Jeff Zhang) 

สำหรับทีมวิจัยของดาโม อะคาเดมี่นั้นจะทำงานใกล้ชิดกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เช่น U.C. Berkeley และยังมีที่ปรึกษาที่มาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังต่าง ๆ เช่น มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน, สถาบันเอ็มไอที, มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, มหาวิทยาลัยวอชิงตัน, มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย, สถาบันเทคโนโลยีปักกิ่ง ฯลฯ รวมอยู่ด้วย

สำหรับทีมนักวิจัยก็จะโฟกัสในหลากหลายหัวข้อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ IoT, ฟินเทค, ควอนตัมคอมพิวติ้ง, Natural Language Processing และ Data Intelligence ไปจนถึงเรื่องของ ระบบรักษาความปลอดภัยของเน็ตเวิร์ก, วิชวลคอมพิวติ้ง และแมชชีน เลิร์นนิ่ง

แต่ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นคือ การออกมาตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาของอาลีบาบาใน 7 เมืองใหญ่ทั่วโลกสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดข้อหนึ่งของอาลีบาบา นั่นคือการทำให้ดาโม อะคาเดมี่เป็นแหล่งรวมนักวิจัยฝีมือดีจากทั่วโลกได้อย่างแท้จริง แทนที่จะปล่อยให้นักวิจัยเหล่านี้หลุดไปอยู่ในมือของแอมะซอน (Amazon) กูเกิล (Google) เฟซบุ๊ก (Facebook) หรือแอปเปิล (Apple) ไปหมด เนื่องจากนักวิจัยส่วนมากไม่ต้องการเข้าไปทำงานในเมืองจีนนั่นเอง

ดังนั้น ถ้าเข้าไปเมืองจีนเป็นข้อเสียเปรียบ ก็ทลายกำแพงนี้ด้วยการส่งศูนย์วิจัยไปตั้งให้ทั่วโลกเสียไม่ดีกว่าหรือ

ที่มา : mgronline.com/cyberbiz/detail/9600000104045