บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ว่า บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เบฟเวอเรจ โฮลดิ้งส์ (สิงคโปร์) หรือ IBHL Singapore ในเครือไทยเบฟ ได้เข้าซื้อหุ้น 75% ในกิจการโรงกลั่นสุราของเมียนมา ของบริษัท เมียนมา ซัพพลาย เชน แอนด์ เซอร์วิส โก (MSC-เอ็มเอสซี) และบริษัท เมียนมา ดิสทิลเลอรี โค (MDC-เอ็มดีซี) โดยดำเนินการผ่านบริษัท TPG Capital โดยการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวคิดเป็นมูลค่าประมาณ 741.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ MSC และ MDC มีโรงงานสุรา 2 แห่ง กลั่นสุรา การผสม และบรรจุขวด ตั้งในย่างกุ้ง และ มัณฑะเลย์ โดยเป็นเจ้าของสุรายี่ห้อ Grand Royal ซึ่งป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุด และเป็นเบอร์ 1 ในตลาดวิสกี้ระดับพรีเมียมของเมียนมา
สำหรับการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้สอดคล้องกับวิชั่น 2020 ของไทยเบฟที่ต้องการขยายธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทสุราไปยังตลาดภูมิภาคอาเซียนและตลาดเมียนมาที่มีศักยภาพในการเติบโต
พร้อมกันนี้ ไทยเบฟ ยังประกาศเพิ่มทุนในบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เบฟเวอเรจ โฮลดิ้งส์ (International Beverage Holdings Limited :IBHL) ที่เป็นบริษัทในเครือของไทยเบฟกับ BHL Singapore ด้วย
1. IBHL ได้เพิ่มทุนที่ออกและชำระแล้วในปริมาณ 5,602,320,000 เหรียญฮ่องกง ซึ่งจะทำให้มูลค่าของทุนที่ออกและชำระแล้ว ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 21,236,332,000 เหรียญฮ่องกง 2. IBHL Singapore ได้เพิ่มทุนที่ออกและชำระแล้วในปริมาณ 720,000,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งจะทำให้มูลค่าของทุนที่ออกและชำระแล้ว ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 720,010,000 เหรียญสหรัฐ
โดยการเพิ่มทุนดังกล่าว จะมาจากเงินทุนของไทยเบฟ ซึ่งเป็นการรวบรวมจากทั้งกระแสเงินสดภายในกิจการ และการกู้เงินจากธนาคารเพื่อ IBHL โดยเฉพาะ ขณะที่การเพิ่มทุนให้กับ IBHL Singapore มีเป้าหมายในการลงทุนในกิจการเครื่องดื่มสุราและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกันในประเทศเมียนมานั่นเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ไทยเบฟ มีโอกาสขยายกิจการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศเมียนมาแล้ว ภายหลังการเข้าซื้อกิจการเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ (เอฟแอนด์เอ็น) ซึ่งทำให้ได้กิจการ “เบียร์เมียนมา” ของบริษัทเมียนมาร์ บริวเวอรี่ ลิมิเต็ด (MBL) มาด้วย เนื่องจากเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเอฟแอนด์เอ็น กับบริษัทเมียนมาร์ อีโคโนมิก โฮดิงส์ ลิมิเต็ด (MEHL) รัฐวิสาหกิจพม่า ทว่าภายหลังได้เกิดข้อพิพาทและมีการยื่นต่ออนุญาโตตุลาการเพื่อหาทาง ออกในกรณีดังกล่าว
โดยท้ายที่สุด ไทยเบฟต้องยอมถอย โดยให้เอฟแอนด์เอ็นทำการขายหุ้นสัดส่วน 55% คิดเป็นเงิน 560 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แก่ MEHL