ใครจะขายอะไรในออนไลน์ ห้ามพลาด! ต้องดูสถิตินี้ ลิสต์สินค้า 5 กลุ่มกวาดเงินจาก “อี–คอมเมิร์ซ” รู้ไว้ เตรียมพร้อมชิงลูกค้า เก็บเม็ดเงินทั่วโลกในอีก 5 ปี จะมีมูลค่าทะลุ 83 ล้านล้านบาท เฉพาะจากไทยมีโอกาสแตะเกือบ 2 แสนล้านบาท
ข้อมูลจากเว็บไซต์ statista.com อัพเดตตัวเลขอี–คอมเมิร์ซ เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา เฉพาะกลุ่มธุรกิจขายสินค้าถึงลูกค้า (B2C) ว่า ปี 2017 ตลาดอี–คอมเมิร์ซทั่วโลก มีมูลค่า 1,462,862 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 49,737,308 ล้านบาท และจากนี้จะเติบโตปีละ 10.9% จนถึงปี 2022 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีมูลค่า 2,450,620 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 83,321,080 ล้านบาท
ในปี 2017 สัดส่วนประชากรที่ใช้บริการอี–คอมเมิร์ซ (Penetration) 34.7% ค่าใช้จ่ายต่อคนเฉลี่ย 826.21 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 28,084 บาท และในปี 2022 สัดส่วนประชากรที่ใช้บริการอี–คอมเมิร์ซ เพิ่มขึ้นเป็น 48%
ที่ประเทศไทยเม็ดเงินอี–คอมเมิร์ซ ก็เติบโตขึ้นทุกปีเช่นกัน เพราะความสะดวกสบายในการช้อปปิ้งออนไลน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ได้เต็มที่ ทำให้การขายสินค้า ขายได้แบบไร้พรมแดน
ประเทศไทย ถูกประเมินว่า เม็ดเงินอี–คอมเมิร์ซ ปี 2017 จะมีมูลค่า 2,962 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 100,708 ล้านบาท และช่วง 2017-2022 จะโตปีละ 14.5% โดยปี 2022 จะมีมูลค่าถึง 5,830 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 198,220 ล้านบาท
สัดส่วนประชากรที่ใช้บริการอี–คอมเมิร์ซ 17.3% ในปี 2017 ค่าใช้จ่ายต่อคนเฉลี่ย 248.49 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8,448 บาท สัดส่วนประชากรที่ใช้บริการอี–คอมเมิร์ซปี 2022 จะเพิ่มขึ้นเป็น 20.7%
ยอดขายของ 5 กลุ่มสินค้าอี–คอมเมิร์ซไทย
1. กลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
คือ ทีวี เครื่องเล่นดีวีดี อุปกรณ์สื่อสาร อย่างคอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป สมาร์ทโฟน และสื่อต่าง ๆ เช่น หนังสือ ดีวีดี ซีดี บลูเรย์ ดิสก์ คอนโซลเกม กลุ่มนี้จะมีมูลค่า 1,258 ล้านเหรียญสหรัฐ 42,772 ล้านบาท ในปี 2017 คาดว่าจะเติบโตปีละ 8.3% โดยปี 2022 จะมีมูลค่าถึง 1,874 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 63,719 ล้านบาท
สินค้าที่มีมูลค่ายอดขายสูงสุด ในกลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ปี 2017 คือ ทีวี เครื่องเล่นดีวีดี 839 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 28,526 ล้านบาท เติบโตปีละ 8.1% ปี 2022 มีมูลค่า 1,238 ล้านเหรียญสหรัฐ 42,092 ล้านบาท
2. กลุ่มแฟชั่น
อย่างเช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หมวก เป็นต้น ปี 2017 มีมูลค่ารวม 531 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 18,054 ล้านบาท คาดเติบโตปีละ 23.2% โดยปี 2022 จะมีมูลค่าถึง 1,509 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 51,306 ล้านบาท
สินค้าที่มีมูลค่ายอดขายสูงสุดในปี 2017 ของกลุ่มนี้คือเสื้อผ้า ที่มีมูลค่า 349 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 11,866 ล้านบาท คาดเติบโตปีละ 24.7% มีมูลค่าในปี 2022 1,052 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 35,768 ล้านบาท
3. สินค้าเกี่ยวกับงานอดิเรก ของเล่น
เช่น อาหาร เสื้อผ้าเด็ก รวมถึงอุปกรณ์กีฬา กิจกรรมกลางแจ้ง เครื่องเล่นดนตรี ของสะสม ปี 2017 มูลค่า 510 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 17,340 ล้านบาท เติบโตปีละ 17.3% คาดปี 2022 มีมูลค่า 1,133 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 38,522 ล้านบาท
สินค้าที่มีมูลค่าสูงสุดของกลุ่มนี้ ในปี 2017 คือ เครื่องเล่นดนเตรี เครื่องพิมพ์ภาพ ของสะสม เช่น งานศิลปะ และวัตถุโบราณ อุปกรณ์ออฟฟิศ ชิ้นส่วนรถยนต์ 272 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9,248 ล้านบาท เติบโตปีละ 15.2% ปี 2022 คาดมีมูลค่า 552 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 18,768 ล้านบาท
4. เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ในบ้าน เครื่องใช้ครัว
ปี 2017 มีมูลค่า 475 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 16,150 ล้านบาท คาดเติบโตปีละ 14.7% ปี 2022 จะมีมูลค่าถึง 943 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 32,062 ล้านบาท
สินค้าที่มีมูลค่าสูงสุดในปี 2017 คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน มูลค่า 258 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8,772 ล้านบาท เติบโตปีละ 11.2% ปี 2022 คาดมีมูลค่า 438 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 14,892 ล้านบาท
5. กลุ่มอาหาร ยา อุปกรณ์ดูแลสุขภาพ เครื่องสำอาง
ปี 2017 มีมูลค่า 187 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6,358 ล้านบาท คาดเติบโตปีละ 14.7% ปี 2022 มีมูลค่า 371 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 12,614 ล้านบาท
สินค้าที่มีมูลค่าสูงสุดของกลุ่มนี้ในปี 2017 คือ ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ทั้งยา เครื่องสำอาง และอุปกรณ์ดูแลสุขภาพ เช่น เครื่องวัดความดัน มูลค่า 122 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4,148 ล้านบาท เติบโตปีละ 13.9% จนปี 2022 จะมีมูลค่าถึง 235 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7,990 ล้านบาท