ท่ามกลางการประกาศตัวเลขผลประกอบการที่อู้ฟู่ของบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาในไตรมาสล่าสุด มหาเศรษฐีชื่อดังในแวดวงซิลิคอนวัลเลย์ “ปีเตอร์ ธีล” (Peter Thiel) ได้ออกมาวิเคราะห์สวนทางการเติบโตของตัวเลขเหล่านี้ด้วยการบอกว่า ฐานะการเป็นศูนย์กลางของวงการเทคโนโลยีของซิลิคอนวัลเลย์นั้น “กำลังจะจบลงแล้ว”
คำกล่าวของปีเตอร์ ธีลเกิดขึ้นในงาน The Future Investment Initative ที่จัดขึ้นในเมืองริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยเขามองว่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีการลงทุนในซิลิคอนวัลเลย์เกิดขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและไอที ทำให้ในช่วง 10 – 15 ปีนี้ซิลิคอนวัลเลย์เป็นศูนย์กลางของการจับตามองจากทั่วโลก รวมถึงทำให้มีกิจการใหม่ ๆ เกิดขึ้นในซิลิคอนวัลเลย์อย่างต่อเนื่อง
ในฐานะผู้ประกอบการ การเดินทางเข้าไปขุดทองที่ซิลิคอนวัลเลย์อาจไม่ใช่เรื่องผิด แต่ในแง่ของนักลงทุน ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้พวกเขาต้องมองหาสถานที่ใหม่ที่จะเป็นโอกาสครั้งต่อไปแล้ว
นั่นนำมาซึ่งคำถามของนักลงทุนต่อเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “ใครจะเป็นสถานที่ใหม่ในการเป็นศูนย์กลางของโลกในยุคต่อไป” ซึ่งอาจเป็นอีก 10 ปีข้างหน้า โดยปีเตอร์ ธีลมองว่าคงมีอีกหลายพื้นที่ของโลกที่จะผุดขึ้นมา ไม่ใช่ซิลิคอนวัลเลย์กุมอำนาจทั้งหมดเอาไว้ได้ฝ่ายเดียวอีกต่อไป
หรือในกรณีของซิลิคอน วัลเลย์เอง สุดท้ายบริษัทที่เติบโตขึ้นมานั้นก็ต่างก้าวไปสู่การสเกลให้เป็นบริษัทระดับโลก ซึ่งบริษัทเหล่านี้เองก็ตระหนักดีว่าการสร้างบริษัทในลักษณะนี้สามารถเกิดขึ้นที่ใดก็ได้ ขอแค่มีคนเก่ง มีเงินทุน มีการสนับสนุนที่เหมาะสมจากภาครัฐ นั่นจึงทำให้ทุกที่ของโลกมีโอกาสเป็นศูนย์กลางทางด้านเทคโนโลยี ไม่ต้องจำกัดเฉพาะในพื้นที่ ๆ เดียว
โดยสถานที่ที่ปีเตอร์ ธีลคาดว่าจะเป็นหนึ่งในศูนย์กลางโลกเทคโนโลยีแห่งใหม่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ก็คือ “จีน” เนื่องจากมีบริษัทที่น่าสนใจหลายแห่งถือกำเนิดขึ้นมา แต่เขาก็ไม่ได้มีการระบุเป็นชื่อเมืองหรือชื่อมณฑลในจีนที่ชัดเจน ซึ่งเขากล่าวโดยสั้น ๆ ว่า ยังไม่อาจระบุได้ และนี่เป็นเพียงการคาดการณ์ในมุมของนักลงทุนที่มองว่า ยังมีโอกาสอีกมากรออยู่นอกสหรัฐอเมริกานั่นเอง.
ที่มา : mgronline.com/cyberbiz/detail/9600000108959