ไฮเนเก้น ส่งสตรองโบว์เติมพอร์ตพรีเมียมรับช่วงไฮซีซั่น

หนาวนี้หนึ่งในเทศกาลสีสันของตลาด ต้องยกให้เครื่องดื่ม “แอลกอฮอล์” ที่ไม่เพียงจะมี “ลานเบียร์” เอาใจคนชอบสังสรรค์ ยังต้องออกสินค้าใหม่เข้าทำตลาดเพื่อ “กระตุ้น” การเติบโตของยอดขายกันหน่อย

ค่ายทีเอพี ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ ไฮเกนเก้น ไทเกอร์, เชียร์, กินเนสส์, คิลเคนนี่ จึงส่ง “สตรองโบว์” (Strongbow) ไซเดอร์ แบรนด์เก๋า 55 ปี มาลงทำตลาดถือเป็นแบรนด์ใหม่ แกะกล่องในเมืองไทย

สำหรับแวดวงคอทองแดงเป็นที่รู้กันว่า ไซเดอร์ คือเครื่องดื่มแอกลอฮอล์ที่หมักจากผลไม้ โดย “แอปเปิ้ล” เป็นไซเดอร์ที่ฮิตสุด และว่ากันว่าชนชั้นสูงดื่มไซเดอร์มานานนับ 5,000 ปี

“ไซเดอร์” ทั่วโลก ก็ยังไม่ใช่ตลาดใหญ่นัก  มูลค่าตลาดในเชิงปริมาณมีเพียง 600 ล้านลิตร ซึ่งแค่เทียบกับตลาดเบียร์ในประเทศไทยยังน้อยกว่ากันเป็นเท่าตัว  แต่ตลาดจะเล็ก แต่สังเวียนน้ำเมาโลกก็มีแบรนด์มากมายที่ทำตลาด เช่น Strongbow,  Brothers Cider, Bulmers, Stella Artois เป็นต้น ซึ่งStrongbow ครองส่วนแบ่งตลาด 20% เป็นผู้นำอยู่

ตลาดไซเดอร์โกกว่าเล็กแล้ว ในประเทศไทยยิ่งเล็กเข้าไปใหญ่ เพราะมูลค่าตลาดรวม 2 แสนล้านลิตร และแบรนด์ที่ทำตลาดอยู่ส่วนใหญ่ล้วนนำเข้า เช่น Brothers, Moose Cider(สยามไวน์เนอรี่นำเข้า) แม้กระทั่งไซเดอร์เบย์(Syder Bay) ของค่าย “สิงห์” ซึ่งปัจจุบันกิจกรรมการทำตลาดไม่ได้คึกคักนัก

“ภัททาณี เอกะหิตานนท์” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์ไฮเนเก้นและสตรองโบว์ ในกลุ่มบริษัท ทีเอพี ให้เหตุผลในการนำเครื่องดื่มแอลกออฮอล์ไซเดอร์ “สตรองโบว์” เข้ามาทำตลาด เพราะต้องการ “เติมเต็ม” พอร์ตโฟลิโอ สินค้า Premium มากขึ้น จากปัจจุบันพอร์ตพรีเมียมมีเบียร์ไฮเนเก้น เบียร์นำเข้ากินเนสส์(Guinness) คิลเคนนี่(Kilkenny) และพอร์ตสินค้าหลัก(Mainstream) เช่น ไทเกอร์เบียร์ เชียร์เบียร์ฯ

โดยมุ่งเน้นกลุ่มนักดื่มหน้าใหม่วัย Millennial อายุ 21-35 ปี ที่เปิดกว้างรับสินค้าใหม่ มุ่งเน้นสร้างความผูกพัน (Engage) กับแบรนด์ เพื่อ “แจ้งเกิด” สินค้าให้ได้ก่อน รวมถึงเน้นทำ Music marketing การตลาดออนไลน์ และการตลาด ณ จุดขายหรือ Below the line เจาะกลุ่มเป้าหมายแบบประชิดตัว

เน้นวาง “ช่องทางจำหน่าย” Off premise หรือ ร้านค้าต่างๆทั้งห้าง ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าทั่วไปฯ แล้ว โดยเฉพาะ “เซเว่นอีเลฟเว่น” ตั้งราคาขายที่59 บาท  วางตำแหน่งหรูแต่จับต้องได้ (Affordable Premium) ส่วนปีก่อนการทำตลาดไม่รุกนัก โดยเน้นผ่านช่องทาง On premise หรือสถานบันเทิง ร้านอาหาร ผับบาร์ต่างๆ

ถึงแม้ตลาดจะเล็ก  แต่ด้วยยอดเติบโต 120% จึงวางเป้ายอดขาย 5 แสนลิตร หรือมูลค่า 90 ล้านบาทในปีหน้า และเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 80%

ไซเดอร์เป็นแค่ “น้ำย่อย” ที่ทีเอพี ส่งทำตลาดปลายปี ทว่า โปรเจคสำคัญยกให้แบรนด์พระเอก “ไฮเนเก้น”  ที่เตรียมจับมือ “Greyhound Café” จัดแคมเปญ “Heineken Open your celebration 2017” ส่งการตลาด “Star Delivery Service” ชิมลางการเสิร์ฟเบียร์เดลิเวอรี่พร้อมกับแกล้มส่งตรงถึงบ้านให้ปาร์ตี้ส่วนตั๊วส่วนตัว ย้ำภาพผู้นำเบียร์พรีเมียม และโกยยอดขายรับเทศกาลเฉลิมฉลอง

ประมาณว่าอยู่บ้านก็มี Private Party Provider มาบริการถึงที่ ส่วนจะถูกใจคอทอแดงแค่ไหน คงต้องรอผลตอบรับ.