ประชุม มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) แถลงตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับสถานการณ์ช่อง 3 ในวิกฤตรายได้ กำไรลดลง รวมถึงเรื่องข่าวลือความขัดแย้งในพี่น้องครอบครัวมาลีนนท์
ช่อง 3 มีรายได้ และกำไร ลดลง ต่อเนื่องนับจากปี 2557 จนถึงล่าสุด เมื่อผลประกอบไตรมาส 3 ช่อง 3 ยังอ่วมหนัก เมื่อกำไรจากการดำเนินงานแค่ 5 ล้านบาท ถ้ารวมขายทรัพย์สินได้มา 29 ล้านบาท รวมได้กำไร 34.8 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 251 ล้านบาท ถึง 86.1% ขณะที่คู่แข่งรายเล็กกว่าอย่างเวิร์คพอยท์ กำไรกว่า 370 ล้านบาท
ส่วนรายได้ลดลง 16.4% จากปีที่แล้ว 3,293 ล้านบาท ปีนี้ไตรมาส 3 ได้เพียง 2,751 ล้านบาท
นับเป็นตัวชี้วัดผลงานที่หลายคนยังต้องลุ้นถึงอนาคตของช่อง 3 กันต่อไป
ประชุม กล่าวว่า ยังต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง หลังปรับโครงสร้างองค์กร ดึงผู้บริหารคนนอกที่เป็นมืออาชีพด้านต่างๆ เข้ามา 7 คน ทั้งทางด้านไอที การตลาด แต่ทางด้านคอนเทนต์ด้านข่าว และละครยังเป็นผู้บริหารและทีมงานคนเดิม
ธุรกิจทีวี ยอมรับว่าเป็นเรดโอเชี่ยน ตอนนี้เราพยายามมองหาบลูโอเชี่ยน เพื่อสร้างรายได้ใหม่ ตอนนี้เร็วไปที่จะพูด เราปรับตัว ปรับผังรายการเรื่อยๆ แต่ครั้งนี้ปรับใหญ่ ต้นปีหน้าน่าจะเห็นผลชัดเจน
สำหรับแผนการหารายได้นั้น เน้นปรับผังรายการโดยเฉพาะรายการข่าว และละคร ซึ่งมีทั้งละครสร้างใหม่ และละครเก่ารีรัน รวมถึงซีรี่ส์อินเดีย
นอกจากนี้ยังไม่เน้นการหารายได้จากขายเวลาโฆษณาเพียงอย่างเดียวเหมือนที่ผ่านมา แต่จะร่วมกับพันธมิตรในการขายโฆษษณาเป็นแพ็กเกจมากขึ้น
ชาคริต ดิเรกวัฒนชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกิจการองค์กร ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารที่มาจากเทสโก้ โลตัส กล่าวว่า รายได้ของช่อง 3 นอกเหนือจากโฆษณาเช่นการดึงศิลปิน ดารา ที่มีอยู่กว่า 200 คน มาอยู่ในแพ็กเกจหารายได้ด้วย
ประชุม บอกว่านอกจากนี้ยังมีแผนหารายได้จากการส่งละครขายต่างประเทศ จากเดิมที่แทบจะไม่ได้ทำมาก่อน โดยเริ่มจากประเทศใน CLMV ส่วนจีน มีกฎระเบียบมาก จึงยังขอรอดูก่อน
การบุกที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งคือ การรุกสื่อดิจิทัล ที่จะหารายได้จากคอนเทนต์จากทีวีสู่ออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์มของช่องเองคือ mello และยูทูป ในรูปแบบดูรายการย้อนหลัง
ประเด็นร้อนที่กลายเป็นเรื่องดราม่ามาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา คือ ข่าวลือเรื่องพี่น้องในครอบครัวมาลีนนท์ทะเลาะกัน จนประวิทย์ มาลีนนท์ ที่บริหารช่อง 3 มานานนับสิบปี ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ และมี ประชุม น้องเล็กของครอบครัวมาบริหารแทน เรื่องนี้ ประชุมบอกว่า
“เราพ่อแม่เดียวกัน อายุปูนนี้จะทะเลาะกันทำไม ตอนนี้รุ่นลูก รุ่นหลานทำอยู่ และเราอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเรื่องธรรมมาภิบาล คุณภาพ ถูกต้องโปร่งใส ส่วนสิ่งที่คุณประวิทย์ทำไว้ ที่ดีๆ ก็ยังทำต่อ“
ขณะที่ ประวิทย์ ซึ่งมาร่วมฟังแถลงข่าวพร้อมกับบุตรชาย จากนั้นได้กลับออกจากห้องไประหว่างที่ผู้บริหารชุดใหม่กำลังถ่ายภาพเพื่อทำข่าวประชาสัมพันธ์
“ประวิทย์” โอนหุ้นทั้งหมดให้ลูก จับมือเซิร์ซผลิตเกมโชว์–ข่าวป้อนช่อง 3
ประวิทย์ กล่าวถึงข่าวลือเรื่องพี่น้องทะเลาะกันว่า “ผมเป็นคนเดินออกมาเองให้ลูกๆ ทำอยู่ ผมไม่มีหุ้นในช่อง 3 แล้ว โอนให้ลูกๆ หมดแล้ว ส่วนประสบการณ์ด้านธุรกิจบันเทิงหลายสิบปีที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ทิ้ง ตอนนี้ร่วมกับกลุ่ม บริษัทเซิร์ช เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เป็นเงินทุนส่วนตัว ลงทุนหนังนาคี 2 ที่ใช้งบหลายสิบล้านบาท เตรียมลงทุนรายการเกมโชว์ และ สนับสนุนการผลิตข่าวเช้าช่อง 28
โดยเวลานี้ อรอุมา มาลีนนท์ ลูกสาวคนโตรับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ ช่วย อัมพร มาลีนนท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านปฏิบัติการดูแลเรืองรายการ รวมทั้งลูกชาย วรวรรธน์ มาลีนนท์ ร่วมกับสมรักษ์ ณรงค์วิชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารสายผลิตรายการ ที่อยู่มาแต่เดิม และ ปิ่นกมล มาลีนนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ลูกสาวของ ประสาร มาลีนนท์ ส่วนลูกชายคนรอง วรวรรธน์ มาลีนนท์ เข้ามาช่วยงานประวิทย์อยู่พักใหญ่แล้ว