กลายเป็น “นักปั้นมือทอง” ของจริงในตลาดเบียร์ไปแล้วสำหรับ “ฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ขุนพลข้างกาย “สันติ ภิรมย์ภักดี” แม่ทัพใหญ่แห่งบุญรอดบริวเวอรี่ หรือสิงห์
นอกจากจะสร้าง “ปรากฏการณ์” ใหม่ให้ “ยู” เบียร์ ดังพลุแตกในข้ามคืน และยอดขายทะลุเป้าในไม่กี่เดือน ยูเบียร์ ยังสะท้อนให้เห็น “วิธีคิดของนักการตลาด” ที่ไม่ยึดติดกลยุทธ์ และการทำตลาดแบบเดิมๆ ด้วย เพราะ “ฉัตรชัย” เลือกที่จะใช้ “ความแตกต่าง” มาเป็นตัวขับเคลื่อนยูเบียร์ แตกต่างตั้งแต่ชื่อแบรนด์ยู ที่ไม่ใช้สิงห์สาราสัตว์เหมือนเดิม
แตกต่างในการเลือกช่องทางจำหน่ายเฉพาะ ทำให้สินค้าหายากประหนึ่ง “Rare items” ผู้บริโภคคอเบียร์ถามหาจ้าละหวั่น การทำตลาดที่โยนสู่ตลาดให้เกิดการตั้ง “คำถาม” ให้คนสงสัยอยากรู้ว่าตัว “ยู” สีเหลืองๆ คือโปรดักต์อะไร
กลยุทธ์ที่ใช้ได้ผล นำมาถ่ายทอดลง “snowy weizen by EST.33 หรือ สโนวี่ ไวเซ่น บาย เอส สามสาม”
“ฉัตรชัย” บอกสั้นๆ ว่าเบียร์สโนวี่ ไวเซ่นฯ เป็นอีกหนึ่งผลงานของเขา โดยให้เหตุผลว่า
“ถึงเวลาที่ตลาดเบียร์ไทย ต้องมีความหลากหลายในประเภทของเบียร์ครับ เบียร์ ไม่ใช่แค่ลาร์เกอร์ เบียร์ (Larger Beer) ขณะที่สโนวี่ คือ Weizen Beer ที่จะเพิ่มสีสัน ความหลากหลายให้ตลาดเบียร์ไทย จะช่วยทำให้ตลาดคราฟท์เบียร์ เป็นที่รู้จักมากขึ้น ช่วยทำให้ผู้ผลิตไทยรายเล็กมีตลาดขาย”
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์เบียร์ใหม่จากค่ายสิงห์ “สโนวี่ ไวเซ่น” เริ่มจากผลิตภัณฑ์ เป็นคราฟท์เบียร์ปริมาณแอลกอฮอล์ 4% “แตกต่าง” จากตลาดเบียร์ไทยโดยรวมเกือบ 100% เป็นลาร์เกอร์เบียร์ และปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ระดับ 5%
แม้ตลาด “คราฟท์เบียร์” ของไทยจะเล็กมาก มูลค่าประมาณ 35 ล้านบาท แต่มีการประมาณการณ์ว่าตลาดจะเติบโตได้ 6 เท่าตัว (ที่มา Chit beer)
โลโก้ผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ ที่ให้ความรู้สึกเป็นอินเตอร์แบรนด์ จนแฟนๆบนโลกออนไลน์สงสัย “นึกว่ามาจากนอก” ด้านบรรจุภัณฑ์ประเดิมผลิตแบบกระป๋อง ขนาด 490 มิลลิลิตร (มล.) ซึ่งใกล้เคียงกับเบียร์นำเข้าที่จะมีขนาดประมาณ 500 มล.
การทำตลาดที่อาศัย “โซเชียลมีเดีย” เป็นตัวแจ้งเกิด โดยเฉพาะเชิญบรรดาเพจดังไปดูสายการผลิตเบียร์ครั้งแรก ทั้งเพจ สักวาตกค่ำร่ำสุรา เพจแดกเบียร์ให้เพลียแคม เนื่องจากเพจเหล่านี้มีแฟนๆ ติดตามตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสน และผู้ติดตามล้วนเป็น “กลุ่มเป้าหมายตัวจริง”
การจำหน่าย ประเดิมในงาน “ฟาร์ม เฟสติวัล ออน เดอะ ฮิลล์” วันที่ 29 พ.ย.นี้ ณ สิงห์ ปาร์ค เชียงรายหรือไร่สิงห์นั่นเอง และเตรียมขายผ่านช่องทางร้านอาหารต่างๆ (On-premise) ขณะที่ร้านสะดวกซื้อ คาดว่าจะเห็นปีหน้า
ความน่าสนใจของสโนวี่ ไวเซ่น อีกอย่าง คือ ต่อท้าย by EST.33 เป็นที่รู้กันว่าร้านเอส.สามสาม นั้นเป็นร้านอาหารในเครือบุญรอด ที่มีการผลิตคราฟท์เบียร์ให้บริการ มีเมนูเบียร์มากมายให้เลือกดื่ม เช่น Larger Beer, Copper Beer, Weizen Beer, Snowy Beer และ Black Beer เมื่อผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการ ทำให้สามารถเก็บข้อมูล ความต้องการเชิงลึกว่า “เบียร์ประเภทไหนถูกสั่งมากสุด” สิงห์ สามารถนำมาต่อยอด และตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้
สำหรับสโนวี่ ไวเซ่น นับเป็นการนำประเภทเบียร์สุดฮิตของร้านมาบรรจุลงกระป๋อง และเตรียมทำตลาดในวงกว้างมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดเบียร์ในประเทศไทยมีมูลค่าเชิงปริมาณราว 2,000 ล้านลิตร และมูลค่าตลาดกว่า 1 แสนล้านบาท ลีโอ เป็นเบอร์ 1 มีส่วนแบ่งตลาด 52% สิงห์ 6% ช้าง 35% ไฮเนเก้น 3% และอื่น 4% ในจำนวนนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลชัดนักว่า ยูเบียร์ของสิงห์ มีแชร์เท่าไหร่ เฟดเดอร์บรอย อาชาของไทยเบฟแชร์เท่าไหร่ และยังมีเบียร์นำเข้าอีก
ที่ผ่านมาผู้บริโภคดูจะมีความคราฟท์เบียร์มากขึ้น แต่อุปสรรคของตลาดคราฟท์เบียร์ในไทยคือ “ราคาขาย” ที่ค่อนข้างสูง เพราะต้องยอมรับว่าหากตลาดเล็ก ผู้ผลิตยังต้องนำเข้า หรือผลิตเองแต่ยังไม่ได้ Economy of scale การจะทำให้แมสก็ยาก
ทว่า การเปิดเกมรบตลาดน้ำเมาสีอำพันของสิงห์ ก็เป็นสัญญาณใหม่ๆ ให้ตลาดเบียร์ได้คึกคัก
ที่ต้องเกาะติดในสมรภูมินี้ คงเป็นคู่แข่ง “ไทยเบฟเวอเรจ” และ “ทีเอพี (ไฮเนเก้น)” จะเข็นอะไรมาสู้
ก่อนหน้านี้ แม้มีกระแสข่าวว่าไทยเบฟปั้นเบียร์หงส์ออกมา แต่ผู้บริหารก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่จริง แม้กระทั่งในภูมิภาค ก็ไม่มีแบรนด์หงส์ไปทำตลาดใดๆ.