ช่วงหลังมานี้ สตาร์บัคส์ เดินเกมรุกเต็มที่ เพื่อรับมือกับการแข่งขันในธุรกิจ “ร้านกาแฟ” ที่กำลังดุเดือด เพราะนอกจากจะขยันเปิดสาขาแล้ว ยังขยายผลมาถึงการจับมือกับแบรนด์ร้านขนมดังอย่าง “อาฟเตอร์ยู”
ล่าสุด สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) ร่วมมือกับ อาฟเตอร์ยู นำเมนูยอดนิยม อย่าง ชิบูย่าฮันนี่โทสต์ และช็อคโกแลตบราวนี่ พร้อมไอศกรีมวนิลา มาสร้างเมนูขนมหวานต่าง ๆ อาทิ เบอร์รี่ครัมเบิลแพนเค้ก บานอฟฟี่ครัมเบิลแพนเค้ก และอัฟโฟกาโต โดยเริ่มที่ ร้านสตาร์บัคส์รีเสิร์ฟ เอ็กซ์พีเรียนบาร์ เมกาบางนา เป็นสาขาแรก
ตามปกติแล้ว เมนูอาหารที่ในร้านสตาร์บัคส์ จะไม่ได้ผลิตเองอยู่แล้ว แต่จะคัดเลือกจากผู้ผลิตมาอีกที เช่น แซนด์วิช เพสทรี และขนมเค้ก เมอร์เรย์ ดาร์ลิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) สตาร์บัคส์ มองว่า การร่วมมือกับ “อาฟเตอร์ยู” จะช่วยเพิ่มความหลากหลาย และช่วยยกระดับ ประสบการณ์สตาร์บัคส์ให้กับลูกค้าในวงกว้างขึ้นต่อไป
นอกจากเพิ่มความหลากหลายแล้ว ต้องถือว่าเป็นการ Co-branding มาช่วยเสริมแบรนด์ซึ่งกันและกัน เพราะ “อาฟเตอร์ยู” เองก็ถือว่าเป็นแบรนด์ขนมหวานชื่อดังยอดนิยมของคนไทยในหมู่วัยรุ่นสาว ๆ และวัยทำงาน ถึงขนาดต้องเข้าคิวในบางสาขา การมีอาฟเตอร์ยูวางขาย ก็ช่วยให้ขยายไปยังลูกค้าในกลุ่มดังกล่าวเข้ามาที่สตาร์บัคส์มากขึ้น
ส่วนอาฟเตอร์ยูเอง การร่วมมือกับ “สตาร์บัคส์” ถือว่าเป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการขยายผลิตภัณฑ์ไปยังเชนร้านกาแฟดังระดับโลกอย่างสตาร์บัคส์ จะยิ่งส่งเสริมให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในกลุ่มคอกาแฟ คนทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ “สาขา” ของสตาร์บัคส์ เป็นช่องทางในการกระจายสินค้าได้มากขึ้น และไปในทำเลที่อาฟเตอร์ยูยังไปไม่ถึง แทนที่จะรอการขยายสาขาเอง ซึ่งต้องใช้ต้นทุนและเวลา
เวลานี้อาฟเตอร์ยูมี 25 สาขา ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ในขณะที่สตาร์บัคส์เวลานี้มี 320 สาขาทั่วประเทศไทยแล้ว ต้องรอดูว่าหลังจากสาขาเมกาบางนาแล้ว เมนูของอาฟเตอร์ยูจะขยายไปสาขาอื่น ๆ ได้มากน้อยแค่ไหน.