ชำแหละกลยุทธ์ “Zen” รับศึกร้านอาหารญี่ปุ่นเกลื่อนเมือง ลุยปรับรอบด้าน แต่งร้านใหม่ ลดราคา เพิ่มความแซ่บให้อาหาร ถ่ายรูปต้องสวย

ร้านอาหารญี่ปุ่น ถือเป็นร้านอาหารยอดนิยมของคนไทย มีร้านใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ขณะเดียวกันก็ปิดตัวลงมากเช่นกัน

องค์การส่งสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ระบุปี 2559 มีร้านอาหารญี่ปุ่นที่ในไทยกว่า 2,700 ร้านค้า เพิ่มขึ้นประมาณ 3.9% ในแต่ละปีมีร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่หลายร้อยร้าน และ “ปิดตัวลง” ก็มีราว 50% ของร้านที่เปิดใหม่

ทำให้ร้านอาหารรายใหญ่ (เชน) “เซ็น-Zen” ร้านอาหารญี่ปุ่นของกลุ่มเซ็นทรัล ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาด 15% ก็ต้องปรับตัวชนิดรอบด้าน 

ธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจแบรนด์ บริษัท เซ็นฯ บอกว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจตกต่ำกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง ทำให้ร้านอาหารญี่ปุ่น “เติบโตต่ำ 1-2% เท่านั้น ต่างจากอดีตที่เคยเติบโตอัตรา หลัก จากมูลค่าตลาดรวม 22,000 ล้านบาท

คุณธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท และคุณชิตพล วิวัฒนาเกษม

แนวโน้มตลาดในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะเห็นการล้มหายตายจากของร้านขนาดเล็กมากขึ้น ไม่แตกต่างกับ ตลาดปิ้งย่าง ที่มีผู้ประกอบการโบกมือลาล่วงหน้าไปแล้ว คนที่อยู่คือเจ้าใหญ่ ๆ เท่านั้น

เพื่อให้เป็น ในผู้รอด และ “เติบโต” เซ็น ซึ่งวางตำแหน่งร้าน “พรีเมี่ยมแมส” จึงต้องปรับตัวหลายด้าน โดยปีที่ผ่านมา ได้ปรับลด “ลดเมนูอาหาร” จาก 300 เหลือ 280 รายการ รวมทั้ง “ลดราคา” เมนูอาหารเซตลง 20% และเพิ่มจำนวนเมนูอาหารเซตจาก 30 รายการ เป็น 62 รายการ

สำหรับในปี 2561 บริษัทจะใช้กลยุทธ์ “ปรับตัว” ในทุกมิติ เพื่อดึงลูกค้าให้มาถี่ขึ้น ตกแต่งร้านใหม่ ปรับเมนูอาหาร ให้รสชาติเข้มข้นขึ้น ลดราคาลง และที่สำคัญ ยังรองรับกับพฤติกรรมแชะแล้วแชร์ของลูกค้า จัดอาหารให้ใหม่หากยังไม่ถูกใจ

ตกแต่งร้านใหม่ ลดความเป็นพรีมี่ยม ลง ทำให้บรรยากาศร้านที่ดูมืด ปรับให้สดใส สว่าง น่าเข้ายิ่งขึ้น

  • เนื่องจากร้านอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับหลาย ๆ แห่งจะมีพื้นที่ “เปิดโล่ง” ให้เห็นครัวและการประกอบการปรุงอาหารของเชฟ ดังนั้นเซ็นจึงดึงดูดตั้งแต่ลูกค้าก้าวเข้าประตูด้วยการเห็นเชฟโชว์การทำอาหาร
  • การจัดโต๊ะให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายครอบครัวยิ่งขึ้น

ปรับเมนู-รสชาติอาหาร

ปีหน้าจะเพิ่มเมนูอาหารใหม่ ๆ มากขึ้น จากปัจจุบันมีกว่า 200 รายการ

  • ปรับรสชาติเมนูอาหารให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น รสชาติไทยต้องเข้มข้น เผ็ด แซ่บ ผสมความเป็นญี่ปุ่น 10% รสชาติใหม่ 20% และรสชาติญี่ปุ่นที่ผู้บริโภคคุ้นเคย 70% จากเดิมไม่เคยมีการแบ่งสัดส่วนเช่นนี้
  • ลดราคาเมนูอาหารเฉลี่ย 2-3% เป็นอีกปัจจัยในการขยายฐานลูกค้า

นอกจากนี้ ยุคนี้โซเชียลมีเดียมีความสำคัญ ก่อนกินต้องถ่ายรูปแชร์ การจัดวางเมนูอาหาร หากมาเสิร์ฟแล้วไม่โดน ทางร้านจะนำไปจัดใหม่ เพื่อให้ลูกค้าถ่ายรูปได้อย่างที่ต้องการ

  • อบรมพนักงาน อุปสรรคอย่างหนึ่งของธุรกิจอาหาร คือการลาออกของพนักงาน (Turnover) สูงมาก 100% สับเปลี่ยนกันตลอดทั้งปี และเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการร้านอาหารทุกรายเผชิญ เซ็นจึงมีโปรแกรมพัฒนา ฝึกอบรมพนักงานให้ทำงานเป็นระบบ อบรมการบริการไม่ให้เป็นเหมือนหุ่นยนต์
  • สร้างแอปพลิเคชั่น GES (Guess Experience System) มาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภค (Pain Point Customer) ในด้านบริการ สั่งอาหาร เป็นต้น ซึ่งเมื่อลูกค้าใช้แอปพลิเคชั่นเพื่อติติงบริการ จากนั้น ชั่วโมง แบรนด์จะต้องโทรไปแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทันที

ทั้งหมดนี้ หากทำสำเร็จ Zen คาดหวังว่าจะช่วยเพิ่ม ความถี่ ของลูกค้า แฟนพันธุ์แท้ ให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น จากปัจจุบันใช้บริการเดือนละ ครั้งไปจนถึงสัปดาห์ละครั้ง และลูกค้าทั่วไปใช้บริการ สัปดาห์ต่อครั้ง

ปีหน้าลงทุน 450 ล้านบาท ขยายสาขา-สร้างครัวกลาง ลุยเดลิเวอรี่

ในปี 2561 จะใช้งบลงทุน 450 ล้านบาท แบ่งเป็น 250 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาร้านอาหาร 12 แบรนด์ เฉพาะร้านเซ็นใช้ 60 ล้านบาท เปิด 2-3 สาขาใหม่ และปรับปรุงสาขาเดิมที่เป็นแฟล็กชิพ 4-5 แห่ง เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว จากปัจจุบันมี 43 สาขา และอีก 200 ล้านบาท เพื่อสร้างครัวกลางที่บางนา เนื้อที่ 20 ไร่ ส่วนปีนี้บริษัทเปิดร้านเซ็นเพียง สาขา ที่เซ็นทรัลโคราช การเปิดสาขาน้อย เพราะปีนี้ศูนย์การค้าขยายตัวไม่มากนัก

  • ปี 2014  31 สาขา
  • ปี 2015  39 สาขา
  • ปี 2016  42 สาขา
  • ปี 2017  43 สาขา

ขยายเดลิเวอรี่ เปิดตัวแอปสั่งอาหาร

ในปีหน้า ขยายธุรกิจ “เดลิเวอรี่” ด้วยการเปิดตัวแอปพลิเคชั่นสั่งอาหารของทางบริษัทอย่างเป็นทางการ หลังจากกลางปีร่วมกับลาล่ามูฟ ฟู้ดแพนด้า และไลน์แมน ชิมลางคัดเลือก 20 เมนู มาส่งอาหารเดลิเวอรี่ในเขตกรุงเทพฯ ในระยะเวลา ชั่วโมง

ตลาดอาหารเดลิเวอรี่ที่เป็นเจ้าใหญ่หรือเชน มีมูลค่าประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท เติบโต 7-8% ส่วนเซ็นทดลองตลาดเดลิเวอรี่พบว่ายอดขายโต 50-60% ทำสัดส่วนรายได้ 2-3% ในปีหน้าตั้งเป้าเป็น 4-5% ภายใน ปี ต้องการพิ่มเป็น 10%

สำหรับภาพรวมรายได้เซ็นในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 8% และเชนมีสัดส่วนรายได้ 40% ของบริษัท.