7 เรื่องควรรู้ Kodak หุ้นพุ่งรับแผน KodakCoin – โครงการขุด Bitcoin

เปิดประเด็นกรณีหุ้นบริษัทอีสต์แมน โกดัก (Eastman Kodak) พุ่งกระฉูด 120% หลังจากเปิดแผนธุรกิจใหม่ลุยออกเหรียญเงินดิจิทัลของตัวเองในชื่อโกดักคอยน์ (KodakCoin) เบื้องต้นระบุจะจับมือกับบริษัทสัญชาติลอนดอน ระดมทุนแบบ ICO เพื่อให้บริการบริหารลิขสิทธิ์ภาพของช่างภาพ ขณะเดียวกันก็จะติดตั้งอุปกรณ์โครงข่ายเพื่อขุดบิตคอยน์ (Bitcoin) ที่สำนักงานใหญ่ในนิวยอร์กด้วย

1. กำเนิดแบรนด์ Kodak KashMiner บริการเช่าฮาร์ดแวร์ขุดบิตคอยน์

จากธุรกิจค้าฟิลม์ถ่ายรูป ธุรกิจใหม่ที่ Kodak ให้รายละเอียดที่งาน CES 2018 นั้นจะมีชื่อว่าโกดัก แคชไมเนอร์ (Kodak KashMiner) บริการนี้จะเปิดให้ลูกค้าชำระค่าเช่าระบบขุดเงินดิจิทัล หรือ mining capacity แผนธุรกิจใหม่นี้โดนใจนักลงทุน เพราะ Kodak เป็นหนึ่งในบริษัทหลายแห่งที่มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นทันทีที่เปิเผยแผนธุรกิจใหม่เกี่ยวกับกิจกรรมที่มีเทคโนโลยีบล็อกเชน (blockchain) อยู่เบื้องหลัง

2. ผลจากธุรกิจลิขสิทธิ์แบรนด์ Kodak

แม้ชื่อของ Kodak จะโดดเด่นเรื่องการเป็นแบรนด์ที่ปรับตัวสู่โลกดิจิทัลได้ช้า แต่วันนี้ Kodak เปลี่ยนไปแล้ว เพราะ Kodak กำลังจะทิ้งอดีตของตัวเองแล้วกลับมามีชีวิตใหม่ในยุคเงินดิจิทัล โดยตั้งแต่ปี 2012 ตัว Kodak ขายสิทธิ์ชื่อแบรนด์ให้กับผู้ผลิตหลายกลุ่ม ทำให้ชื่อ Kodak ปรากฏบนแบตเตอรี่ เครื่องพิมพ์ โดรน คอมพิวเตอร์ และกล้องดิจิทัลหลายรุ่น

กรณีของ KashMiner รายงานชี้ว่าเป็นผลจากการร่วมมือกับบริษัทสปอตไลต์ (Spotlite) ผู้ซื้อลิขสิทธิ์แบรนด์ Kodak ที่เคยติดแบรนด์ Kodak ในตลาดหลอดไฟแอลอีดี (LED) มาก่อนหน้านี้

สำหรับธุรกิจขุดบิตคอยน์ นั้นหมายถึงการอุทิศคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงของตัวเองเพื่อเปิดซอฟต์แวร์ของบิตคอยน์ให้ทำงานตลอดเวลา การอุทิศนี้จะได้รับบิตคอยน์กลับมาเป็นการตอบแทน จุดนี้เงินบิตคอยน์ที่ได้รับจาก Kodak KashMiner จะถูกแบ่งปันกันระหว่างลูกค้าและธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจขุดเงินดิจิทัลนี้มีความเสี่ยง เพราะโครงข่ายขุดเงินเหล่านี้จะต้องใช้กองทัพหน่วยประมวลผลคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง และไพร่พลพัดลมระบบระบายความร้อนเพื่อให้ระบบทำงานได้ราบรื่น ทั้งหมดนี้จะเผาผลาญพลังไฟสูงมาก โดยเฉพาะเมื่อมูลค่าเงินดิจิทัลยิ่งสูงขึ้น จำนวนผู้สนใจที่นำคอมพิวเตอร์เข้ามาร่วมกันประมวลผลมีมากขึ้น การเข้ารหัสจึงซับซ้อนมากขึ้น ส่งผลให้การเผาผลาญพลังไฟต่อการทำธุรกรรมแต่ละครั้งสูงขึ้นต่อเนื่อง

3. ที่สำนักงานใหญ่ Kodak มีโรงงานไฟฟ้า

แม้จะมีความเสี่ยง แต่โครงการนี้จะสามารถใช้ประโยชน์จากโรงงานผลิตไฟฟ้าของ Kodak ได้เต็มที่ ซึ่งโรงงานนี้มีกำลังการผลิตว่างอยู่นับตั้งแต่ยุคที่ Kodak ยังมั่งคั่ง จุดนี้รายงานย้ำว่า ธุรกิจขุดบิตคอยน์ของ Kodak จะมีฐานที่มั่นที่สำนักงานใหญ่ในเมืองโรเชสเตอร์

Kodak มั่นใจมากว่าจะไปได้สวยในธุรกิจนี้ เพราะ Kodak สามารถอัดฉีดพลังงานในแต่ละหน่วยประมวลผลในต้นทุนต่ำ 4 เซ็นต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าการที่บุคคลทั่วไปจะซื้ออุปกรณ์มาติดตั้งในบ้านเพื่อขุดเงินดิจิทัลด้วยตัวเอง

จากมูลค่าปัจจุบันของ Bitcoin การประเมินล่าสุดพบว่า เงินลงทุนล่วงหน้าในวงการนี้อยู่ที่ประมาณ 4,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 128,418 บาทสำหรับการทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล 24 เดือน ซึ่งอาจให้รายได้ 500 เหรียญสหรัฐต่อเดือน หรือประมาณ 16,050 บาท

4. ร่วมขุดแล้ว 80 ราย

ปัจจุบัน Kodak ระบุว่ามีลูกค้าผู้ลงทุนขุดเงินดิจิทัลแล้ว 80 ราย คาดว่าจะเพิ่มอีก 300 รายในไม่ช้าเพราะตลาดเงินดิจิทัลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น แม้วันนี้บิตคอยน์มีความผันผวนอย่างผิดปกติ และนักวิเคราะห์หลายคนหวั่นใจว่าค่าของมันจะพังทลายลง จนส่งผลให้เกิดความสูญเสียสำหรับผู้ที่ต้องจ่ายต้นทุนล่วงหน้า 

5. โยกระบบไปทำงานอื่นได้หาก Bitcoin ล่ม

Halston Mikail ผู้บริหารบริษัท Spotlite พันธมิตรของ Kodak ระบุว่าแม้บิตคอยน์อาจเป็นฟองสบู่ได้ แต่อุตสาหกรรม “บล็อกเชน” ไม่ใช่ฟองสบู่ เนื่องจาก blockchain เป็นแพลตฟอร์มที่มั่นคงบนพื้นฐานของคณิตศาสตร์ ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว blockchain จะอยู่รอดแน่นอน

6. “สกุลเงิน Kodak” ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ

โครงการ KodakCoin ของ Kodak กำลังจะเกิดขึ้นเพื่อสร้างเป็นระบบที่ช่างภาพสามารถอัปโหลดภาพใหม่เข้ามาในระบบ แล้วบริหารจัดการสิทธิต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มได้โดยตรง สามารถป้องกันปัญหาลิขสิทธิ์ได้ดี ทั้งหมดนี้จะทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ KodakOne ที่จะถูกใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลบนเว็บและค้นหาภาพที่ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

Kodak บอกว่าโครงการนี้กำลังอยู่ในขั้น “จัดการขั้นตอนการออกใบอนุญาต” เพื่อให้ช่างภาพจะได้รับค่าตอบแทนใน KodakCoin 

7. ทุกอย่างเพื่อช่างภาพ

Jeff Clarke ซีอีโอ Kodak กล่าวว่าทั้งหมดนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงตามแนวคิดดั้งเดิมของ Kodak เรื่องความพยายามทำให้การถ่ายภาพมีความเท่าเทียมและทำให้การออกใบอนุญาตเป็นไปอย่างยุติธรรมต่อศิลปิน โดยบอกว่าเทคโนโลยีเหล่านี้เอื้อให้ชุมชนการถ่ายรูปมีวิธีที่สร้างสรรค์และง่ายในการจัดการ

แผนธุรกิจเหล่านี้โดนใจนักลงทุนจนทำให้ราคาหุ้นของ Kodak มีการซื้อขายสูงกว่าราคาเปิดตลาด 130% ก่อนที่จะลดลงเล็กน้อยหลังปิดตลาด เบ็ดเสร็จแล้วหุ้น Kodak บวก 119.4%.

ที่มา : mgronline.com/cyberbiz/detail/9610000003038