ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วสำหรับเรตติ้งรวมของช่อง “เวิร์คพอยท์” ที่เคยแซงขึ้นมาอยู่อันดับ 3 มีบางเดือนถึงกับแซงช่อง 3 แต่กลับต้องหล่นมาอยู่อันดับ 4 ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม และลากยาวมาถึงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2561
หนำซ้ำ ราคาหุ้นของเวิร์คพอยท์ (ใน10 มกราคม 2561) ที่เคยพุ่งทยาน กลับหล่นจาก 82 บาท เหลือ 76.75 บาท หายไป 5.25 บาท หรือคิดเป็น 6.4% ทำเอานักลงทุน นักวิเคราะห์ “งงเด้” กันเป็นแถว
งานนี้ เวิร์คพอยท์ ออกอาการร้อนๆ หนาวๆ ไม่น้อยทีเดียว
แต่ต้องยอมรับว่าช่วง 1-2 ปีมานี้ เวิร์คพอยท์ทำผลงานได้เข้าตาคนดู โดยช่วง 3 ไตรมาสแรกปี 2560 ถือว่าช่วงที่เวิร์คพอยท์พีคสุดๆ จากการแซงขึ้นมาอยู่อันดับ 3 รองจาก 2 ช่องใหญ่รายเดิมอย่าง ช่อง 7 และช่อง 3 (ดูตาราง 25 อันดับเรตติ้งทีวีดิจิทัล ของเพจ TV Digital Watch) ไม่เท่านั้น เรตติ้งยังเข้าใกล้เบอร์ 2 โดยปี 60 มีเรตติ้งสูงถึง 1.001 หลังจากที่ปี 59 เรตติ้งรวมอยู่ที่ 0.837
เวิร์คพอยท์นั้นเอาดีมาจากรายการวาไรตี้เกมโชว์ล้วนๆ โดยเฉพาะรายการ The Mask Singer ซีซัน1 ออกอากาศในช่วงปลายปี 2559 ได้สร้างชื่อเสียง เรตติ้ง และความนิยมให้กับช่องเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนขยายมาเป็นซีซันที่ 2 และ 3 จนถึงทุกวันนี้
ด้วยความแปลกใหม่ ให้คนดูคอยลุ้น คอยติดตาม ทำให้เกมโชว์รายการนี้เคยทำเรตติ้งสูงสุดถึง 13.371 แซงหน้าละครหลังข่าวช่วงเวลาไพรม์ไทม์ ทั้งช่อง 7 และช่อง 3 ไปแบบขาดลอย (เรตติ้งรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 6.55)
ในขณะที่ซีซัน 2 ออกอากาศช่วงเดือนเมษายนถึงสิงหาคม ปี 60 เรตติ้งก็เริ่มลดลง แต่ก็ได้เฉลี่ยทั้งซีซันอยู่ที่ 7.311 และเคยได้สูงสุดอยู่ที่ 9.383
เวิร์คพอยท์เอง เมื่อเห็นว่ารายการแนวนี้ประสบความสำเร็จ ก็รีบส่งรายการวาไรตี้ประกวดร้องเพลงลงผังต่อเนื่อง เช่น I Can See Your Voice หรือนักร้องซ่อนแอบ และรายการที่ออกในช่วงกลางปีอย่าง We Kid Thailand หรือ เด็กร้องก้องโลก เมื่อนำมารายการตระกูล ”ไมค์” ที่มีแต่เดิม ตั้งแต่ ไมค์หมดหนี้, ไมค์ทองคำ, ซูเปอร์หม่ำ ก็ยิ่งช่วยเกื้อหนุนให้ภาพรวมทั้งหมดของช่องพุ่งทะยานสูง
เรตติ้ง เดือนมีนาคม 2560 ของเวิร์คพอยท์เคยไล่จี้ติดช่อง 3 ที่อยู่ในอันดับ 2 ด้วยเรตติ้ง 1.165 โดยช่อง 3 อยู่ที่ 1.359 ซึ่งเรตติ้งของเวิร์คพอยท์โตต่อเนื่องจนถึงเดือนกรกฎาคม จากนั้นก็เริ่มตกลงมาจนต่ำกว่า 1 ในช่วงครึ่งหลัง แต่ก็ยังประคองตัวอยู่ในอันดับ 3 ได้ตลอด และจะมีช่วงพิเศษในเดือนตุลาคม ที่ช่องวันแซงขึ้นมาในอันดับ 3 จากผลของโครงการ “ละครมาราธอน”
จนกระทั่งเดือนธันวาคม ในช่วง 3 สัปดาห์แรกของเดือนที่โดน “ช่องโมโน” อัดหนังต่างประเทศลงผังแซงขึ้นเป็นอันดับ 3 แต่เวิร์คพอยท์ก็มาตีตื้นช่วงสัปดาห์สุดท้าย มาชนะโมโน ขึ้นมารักษาอันดับ 3 เช่นเดิม ด้วยผลพวงจากตัวเลขเรตติ้งและกระแสความนิยมจาก 3 ไตรมาสแรกของปี
***“The X Factor Thailand “ มากับความคาดหวัง แต่ไม่ถึงฝัน
ถ้าดูจากรายการช่วงหลังที่ เวิร์คพอยท์เอามาลงผัง หลายรายการกลับไม่ “ปัง” อย่างที่คิด แถมยังโดนกระดรามาถล่มจนฉุดให้เรตติ้งวูบตาม
หนึ่งในรายการที่เวิร์คพอยท์ตั้งความหวังไว้มาก คือ The X Factor Thailand รายการเรียลลิตี้ประกวดร้องเพลงจากอังกฤษ ตามหาผู้มีความสามารถทางด้านเสียงดนตรี ของ ไซมอน โคเวลล์ เจ้าของคนเดียวกันที่สร้าง American Got Talent ที่เวิร์คพอยท์รับหน้าที่ผลิต Thailand Got Talent ได้ประสบความสำเร็จไประดับหนึ่งไปแล้ว
The X Factor ถือเป็นรายการที่โด่งดังและประสบความสำเร็จมามากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก สร้างนักร้องระดับโลกอย่างวงบอยแบนด์อย่าง วันไดเรคชั่น ให้มีชื่อเสียงดังก้องโลกมาแล้ว ทำให้เวิร์คพอยท์ยิ่งมั่นใจมากกับรายการนี้ จึงทุ่มไม่อั้นเพื่อต้องเปรี้ยงไม่แพ้ The Mask Singer จัดเต็มทั้งบรรดากรรมการชื่อดัง 4 คนชื่อดัง ตั้งแต่ ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค, เจนนิเฟอร์ คิ้ม, เบน-ชลาทิศ ตันติวุฒิ และ โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร และได้ กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์ เป็นพิธีกร โปรโมตรายการถี่ยิบ จัดผังวางไว้ทุกวันศุกร์ช่วงเวลาไพรม์ไทม์ หลังรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”
แต่เมื่อรายการออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ก็เกิด “ดรามา” ทันที เมื่อผู้เข้าประกวดที่ถูกพูดถึงมากที่สุด “ใหม่ พิมพ์ลักษณ์” เข้ารอบ 3 คนสุดท้ายนั้น เมื่อนักสืบพันทิป ตามค้นหาประวัติก็ ”โป๊ะแตก” พบว่า ใหม่ พิมพ์ลักษณ์ ที่ดูเป็นสาวขี้อายไม่กล้าแสดงออก แท้ที่จริงแล้ว คือ ครูสอนร้องเพลง ที่มีประสบการณ์ผ่านการเล่นละครเวทีมาแล้ว และเคยออกรายการ I Can See Your Voice มาแล้ว
ส่วน ”น้องชบา” สาวน้อยเสียงดีชาวภูเก็ต ก็ผ่านการประกวดมาอย่างโชกโชน ตั้งแต่รายการ The Voice Kid ซีซัน 1 วนเวียนเข้าออกรายการของช่องเวิร์คพอยท์มาแล้ว เช่น รายการ I Can See Your Voice
เรตติ้งวันแรก เพียง 1.5 พร้อมกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์กระหึ่มโซเชียล ที่สำคัญเรตติ้งก็ยังไม่ขึ้น จนเวิร์คพอยท์ต้องขยับผังใหม่ย้ายไปออกอากาศวันจันทร์ แทนที่รายการ We Kid Thailand การประกวดร้องเพลงเด็ก ที่ทำเรตติ้งในระดับ 2 กว่า และเอา We Kid Thailand ไปออกวันเสาร์แทน
การย้ายไปออกอากาศในวันจันทร์ ที่ไม่ต้องรอรายการของ คสช.เหมือนในวันศุกร์ ไม่ได้ทำให้เรตติ้งรายการดีขึ้นจากเดิมมากนัก จนจบไปอย่างเงียบๆ โดยเทปสุดท้ายรอบไฟนอลออกอากาศในวันที่18 ธันวาคม ด้วยเรตติ้ง 1.5 พร้อมกับกระแส รายการไม่ ”เรียล” เหมือน ”การแสดง” พรีเซนต์ดรามามากเกินไป ผู้เข้าประกวดหน้าซ้ำจนผู้ชมจำหน้าได้ ไม่เกิดความรู้สึกแปลกใหม่ น่าสนใจ น่าค้นหาอีกต่อไป แชมป์ได้มาแบบค้านสายตา ยังไม่รู้ว่าจะมี ซีซัน 2 ต่อไปหรือไม่
***ดรามา Let Me In Thailand ขายชีวิตเฟก เมกสตอรี
ส่วนรายการ “Let Me In Thailand“ ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจากเกาหลี ออกอากาศมาถึงซีซันที่ 3 ก็ต้องเจอกับกระแสดรามาถล่มอย่างหนัก
เมื่อ “จุ๊บจิ๊บ-จิราภรณ์” สาวที่ได้คัดเลือกให้แปลงโฉมที่เกาหลีใต้ ได้ถูกชาวโซเชียลแฉว่า หน้าไม่ได้แย่ แถมยังเคยมีดีกรีดาวโรงเรียน หนำซ้ำชีวิตก็ไม่ได้ลำบาก อยู่คอนโดหรู ใช้เสื้ผ้าราคาแพง ตรงข้ามกับเรื่องราวในรายการแบบสุดขั้ว
ทำเอาเวิร์คพอยท์ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากชาวโซเชียลว่า เมกเรื่อง สร้างดรามาจนเกินจริง ไม่จริงใจกับคนดู ซึ่งเป็นมุกการตลาดเดิมๆ ที่เวิร์คพอยท์ทำมาจนชิน เพื่อเรียกเรตติ้ง แต่ครั้งนี้ กลับส่งผลกระทบให้เรตติ้งรายการ Let Me In Thailand ออกอากาศวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นเทปหลังจากมีดรามาของกรณีจุ๊บจิ๊บ ตกลงไปอยู่ที่ 1.764 จากที่สัปดาห์ก่อนยังได้ที่ 2.112
***The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ไม่ปังเหมือนภาคแรก***
ส่วนรายการที่เคยสร้างชื่อให้กับเวิร์คพอยท์อย่างมาก อย่าง The Mask Singer ก็ลดความร้อนแรงลงต่อเนื่อง จนเรตติ้งของซีซัน 2 ถึงซีซัน 3 จะลดลงมาตลอด ท่ามกลางความรู้สึกของคนดูที่ไม่ตื่นเต้น หรือต้องลุ้นเหมือนกับภาคแรก
ยิ่งซีซันหลังๆ นักร้องนอกกระแส ที่คนคาดเดาได้ยาก หาได้ยากขึ้น จึงต้องเลือกนักร้องดังในกระแส ทำให้คนดูคาดเดาง่าย ความสนุกตื่นเต้นลดลง นอกจากนี้ การใช้นักร้องที่มีชื่อเสียงก็มีเรื่อง “คิว” งานเข้ามาเป็นข้อจำกัดเรื่องเวลาที่ให้กับรายการ จึงเริ่มมี ”ดรามา” แทบทุกครั้งเมื่อนักร้องเสียงดี ชื่อดังต้องแพ้โหวต ที่ไม่เคยมีการชี้แจงตัวเลข หรือสัดส่วนการโหวตในรายการ
คณะกรรมการและพิธีกร ที่ป็นอีกหนึ่งในแม่เหล็กในซีซันแรกๆ เมื่อใช้มุกเดิมๆ คนดูเริ่มเบื่อ จนต้องหามุกอื่น เช่น ขายความเซ็กซี่ หรือใช้อุปกรณ์ประกอบ กรรมการเริ่มหน้าซ้ำ เพราะวนเวียนอยู่ในหลายรายการในช่อง เริ่มไม่น่าค้นหาติดตามตื่นเต้นเท่ากับตอนแรกๆ ยิ่งทำให้ความนิยมค่อยๆ ลดลง จนบางเทปในซีซัน 3 ได้เรตติ้งต่ำกว่า 3 เป็นครั้งแรก เช่นในวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมาได้เรตติ้งไปเพียง 2.748
***ลุยรายการใหม่ เปิดรับผู้ผลิตนอก
เมื่อเรตติ้งคนดูเริ่มลดลง เปิดปีใหม่มา เวิร์คพอยท์จึงต้องเร่งอัดรายการใหม่ลงผัง แต่ยังคงเน้นรายการวาไรตี้ แนวประกวดร้องเพลงแบบเดิม อย่างรายการ DIVA Thailand เสียงเปลี่ยนสวย เป็นรายการร้องเพลงแต่ลูกผสมกับการทำศัลยกรรม ออกอากาศไปตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม ช่วงไพรม์ไทม์ของวันอังคาร
แต่รายการนี้ก็ยังถูกวิจารณ์จากคนดูเช่นเดิม ว่านำดรามาของผู้เข้าประกวดแข่งขันมาใช้ แทนที่จะเน้นการแข่งขัน “นึกว่าเป็นรายการไมค์หมดหนี้ หรือไมค์ทองคำ เพราะเน้นดรามาชีวิตของแต่ละคนมากกว่าการร้องเพลงเสียอีก”
นอกจากนี้ยังมีรายการใหม่ The Show ศึกชิงเวทีที่เริ่มโปรโมตแล้วว่าเป็นทีมผู้สร้างทีมเดียวกับ The Mask Singer เป็นการนำเซเลบซุปตาร์เมืองไทยมาโชว์แข่งขันกันเพื่อแย่งเวทีมาเป็นของทีมตัวเอง คาดว่าจะมาแทนรายการ Let Me In Thailand 3 ที่จะจบในเดือนกุมภาพันธ์
ช่วงวันหยุด เวิร์คพอยท์จัด Show Me Your Son หรือ ลูกแม่หล่อมาก รายการเลือกคู่โดยฝ่ายหญิงจะเลือกผู้ชายผ่านแม่ฝ่ายชาย ในทุกวันเสาร์เวลาไพรม์ไทม์ และ My Mom Cooks เชฟไม่ทิ้งแถว รายการที่เอาแม่ลูกดารา 2 ทีมมาแข่งทำอาหาร ออกอากาศทุกวันเสาร์ช่วงบ่าย
แต่ที่น่าสนใจคือ การกลับมาของ ”วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” นำรายการ “วู้ดดี้ เวิลด์” กลับมาออนแอร์บนจอทีวีอีกครั้ง ในช่วงดึกวันอาทิตย์ ควบคู่ไปกับการออกอากาศผ่านช่องทาง เฟซบุ๊ก ยูทูป และไลน์ แต่คราวนี้เป็นรูปแบบ ไทม์แชริ่ง ร่วมกับช่องเวิร์คพอยท์ ส่งสัญญาณว่าเวิร์คพอยท์ต้องเริ่มเปิดรับผู้ผลิตรายการภายนอกมากขึ้น นอกเหนือจากรายการที่ผลิตเองมาโดยตลอด
ยิ่งไปกว่านั้น ในผังรายการช่วงบ่ายของวันทำงาน เวิร์คพอยท์ต้องนำภาพยนตร์ต่างประเทศมาเสริมผังสร้างเรตติ้ง จากเดิมที่เป็นการรีรันรายการเกมโชว์วาไรตี้ของช่องเท่านั้น
แหล่งข่าววงการทีวีบอกว่า นอกจากช่วงเวลาไพรม์ไทม์ที่เป็นช่วงเวลาทำเงินมากที่สุดแล้ว ช่วงเย็น ค่ำ คืออีกเบรก ที่ทุกช่องต้องตรึงคนดูให้อยู่จนถึงเวลาไพรม์ไทม์ ทำให้ผังรายการของ 6 ช่องใหญ่ ตั้งแต่ช่อง 7, ช่อง 3 , เวิร์คพอยท์, โมโน, ช่อง 8 และช่องวัน ล้วนปรับผังรับมือการแข่งขันอย่างดุดเดือดมากขึ้น (อ่านข่าวเก่า พร้อมกราฟิก-ไพรม์ไทม์เย็น ค่ำ เดือด ช่อง 8 ช่องวัน อัดผังเปิดศึกชิงฐานคนดูช่อง 3)
การนำรายการภาพยนตร์ต่างประเทศมาลง เป็นการตอกย้ำโมเดลความสำเร็จที่เกิดมาแล้วกับช่องโมโน ที่ประสบความสำเร็จด้วยภาพยนตร์และซีรีส์ต่างประเทศล้วนๆ
น่าจับตาว่า การปรับผัง รับรูปแบบรายการใหม่ๆ ของเวิร์คพอยท์ครั้งนี้ จะช่วยดันเรตติ้ง ความนิยมของช่องกลับมาร้อนแรงได้อีกครั้งหรือไม่
สถานการณ์ของเวิร์คพอยท์ถือว่าท้าทายไม่น้อย เพราะดรามาที่เคยใช้ได้ผลอย่างในรายการประกวด ที่เค้นถามเรื่องราวชีวิต เพื่อเรียกน้ำตา ราวกับดูหนังชีวิต แม้จะเรียกกระแสความสนใจ และเรตติ้งจากคนได้ในช่วงแรก แต่ก็เริ่มจะไม่มีพลังเหมือนเดิม แถมถูกกระแสตีกลับ เมื่อคนดูเริ่มรู้ทันกับมุกเดิมๆ จนส่งผลให้เรตติ้งของรายการลดลงเรื่อยๆ
แต่เวิร์คพอยท์ก็มีจุดแข็งตรงที่เป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ได้เอง การปรับเปลี่ยนรายการ เปลี่ยนผังได้อย่างรวดเร็ว พร้อมรุก บุกตะลุย สร้างสรรค์รูปแบบรายการใหม่ๆ รับสถานการณ์ต่างๆ ได้ตลอดเวลา
ต้องรอดูว่า หมากเกมใหม่ของเวิร์คพอยท์ จะช่วยกู้สถานการณ์ให้กลับมาได้หรือไม่ ท่ามกลางสถานการณ์การช่วงชิงของทีวีดิจิทัลที่ยังดำเนินไปอย่างเข้มข้น.