เศรษฐีอสังหาฯ ยึดทำเลทอง แห่ผุดมิกซ์ยูส 29 โครงการ มูลค่ากว่า 7.2 แสนล้านบาท

หากเปิดหน้าดินที่อยู่ในย่านใจกลางธุรกิจ (CBD : Central Business District) เช่น สุขุมวิท, พร้อมพงษ์, ทองหล่อ, สีลม, บริเวณโรงเรียนเตรียมทหารเก่าหรือหัวมุมพระราม 4 ทำเลทองเหล่านี้ ถูก “มหาเศรษฐี” ที่เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ไม่กี่ตระกูลจับจองไว้เพื่อผุดอสังหาริมทรัพย์เมกะโปรเจกต์ไว้หมดแล้ว

แต่การได้ที่ดินแปลงงาม ราคาแพงระยับหลัก 1-2 ล้านบาทต่อตารางวา แล้วนำมาพัฒนาที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว ค้าปลีกอย่างเดียว หรือแม้แต่อาคารสำนักงานอย่างเดียว ไม่คุ้ม และ “เสี่ยงเกินไป” นั่นเลยทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างออกแบบและพัฒนาโครงการเป็น มิกซ์ยูส กันเป็นแถว และถือเป็น “เทรนด์ใหญ่” ที่น่าจับตาใน 3-5 ปีข้างหน้า

สอดคล้องกับมุมมองของ “ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่ได้มอนิเตอร์ติดตามเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างใกล้ชิด พบว่ามีผู้เล่นในวงการ ประกาศแผนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสโครงการ 29 โครงการ มูลค่าประมาณ 7.2 แสนล้านบาท ซึ่งเรียกว่า “แซง” ขนาดตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งประเทศมูลค่า 4-5 แสนล้านบาทด้วยซ้ำ

ชำแหละลึกลงไปอีก พบว่ากลุ่มทุนขนาดใหญ่หรือ บิ๊กเพลเยอร์ ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ กินตลาดไป 23 โครงการ มูลค่ากว่า 6.90 แสนล้านบาทแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 6 โครงการ มูลค่ากว่า 2.71 หมื่นล้านบาท เป็นของผู้พัฒนารายอื่นๆ

“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในเปลี่ยนแปลงใหญ่มากๆ กลุ่มทุนขนาดใหญ่ได้สิทธิการเช่าที่ดินจากหน่วยงานต่างๆ ถ้าจะนำมาทำที่อยู่อาศัยอย่างเดียว เป็นหมื่นยูนิต บนพื้นที่ทำเลทองเหล่านี้ ใครจะมาซื้อ ดังนั้นผู้ประกอบการต้องซอยย่อยการพัฒนาโครงการ และผสมผสานอสังหาฯ รูปแบบต่างๆ หรือมิกซ์ยูสนั่นเอง การทำโครงการหลายแบบยังช่วยกระจายความเสี่ยงธุรกิจได้ด้วย บางโครงการยังมีโรงแรมหลายระดับในที่เดียวกันด้วย”

เทรนด์มิกซ์ยูส มาแรงมากในปลายประเทศแถบเอเชีย ได้แก่ ฮ่องกง และสิงคโปร์ ไทยเองก็กำลังเดินรอยตาม

ส่วนตระกูลดังของเมืองไทย รายไหน ยึดทำเลทองผุดอาณาจักร์มิกซ์ยูส Positioning รวบรวมมาให้ติดตามดังนี้

• ตระกูลสิริวัฒนภักดี

ของกลุ่มไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น (ทีซีซี กรุ๊ป) เช่าที่ดินสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เนื้อที่กว่า 90 ไร่ บริเวณโรงเรียนตรียมทหารเก่า ลุยเมกะโปรเจกต์ “วัน แบงค็อก” มูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านบาท ภายในโครงการรวบอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทมาไว้ในที่เดียว ทั้งคอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักชัวรี, โรงแรม, อาคารสำนักงาน ฯลฯ

โกลเด้นแลนด์ พัฒนามิกซ์ยูส สามย่านมิตรทาวน์ บนที่ดินกว่า 13 ไร่ หัวมุมถนนพญาไท-พระราม 4 มูลค่ากว่า 8,500 ล้านบาท โครงการมีทั้งออฟฟิศ โรงแรม ศูนย์การค้า

 ตระกูลจิราธิวัฒน์ 

หรือกลุ่มเซ็นทรัลครอบครองที่ดินสถานทูตอังกฤษ บนถนนวิทยุ เนื้อที่ 25 ไร่ มูลค่าที่ดินตารางวาละ 2 ล้านบาท รวมมูลค่าราว 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะนำมาเติมเต็มอาณาจักรค้าปลีก

• ตระกูลตั้งมติธรรม

แห่งอาณาจักรศุภาลัย ชนะประมูลซื้อที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย เนื้อที่กว่า 7 ไร่ มูลค่ากว่า 4,600 ล้านบาท และเตรียมพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่บนถนนสาทร ซึ่งโครงการประกอบด้วยอาคารสำนักงานให้เช่า และที่พักอาศัย

• ตระกูลภิรมย์ภักดี

ของกลุ่มสิงห์ คว้าที่ดินสถานทูตญี่ปุ่นเดิมบนถนนเพชรบุรี เนื้อที่ 11 ไร่ ผุดมิกซ์ยูส “สิงห์คอมเพล็กซ์” มูลค่ากว่า1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งโครงการมีทั้งโรงแรม อาคารสำนักงานให้เช่า ค้าปลีก ฯลฯ

• ดุสิตธานี

เช่าที่ดินสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ บริเวณหัวมุมถนนสีลม-พระราม 4 เนื้อที่ 24 ไร่ และผนึกเซ็นทรัลพัฒนา (ซีพีเอ็น) ลุยมิกซ์ยูส มีโรงแรม ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงาน มูลค่าโครงการไม่เกิน 36,700 ล้านบาท

ตระกูลอัศวโภคิน 

เช่าที่ดินสวนชูวิทย์ บริเวณสุขุมวิทซอย 10 เนื้อที่ ไร่ เป็นเวลา 30 ปี และต่ออายุได้อีก ปี มาพัฒนาโครงการ มิกซ์ยูส เพื่อการให้เช่าในรูปแบบอาคารสำนักงาน พื้นที่เช่า 20,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) และโรงแรม 400 ห้อง และมีพื้นที่ค้าปลีกอีก 3,000 ตร.ม. ใช้งบลงทุนอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท 

เหล่านี้ เป็นแค่ตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า มิกซ์ยูสยุคนี้มาแรงจริงๆ.