สแตนด์อโลนต้องมา! ยูนิโคล่ เลือกไทยเปิดสาขาโมเดลใหม่ “โรดไซด์” ดึงขาช้อปโซนกรุงเทพตะวันออก

ยูนิโคล่ (Uniqlo) กำลังประเดิมเปิดสาขาโมเดลใหม่ “Roadside” ซึ่งเป็นสาขาริมถนนเป็นแห่งแรกในไทย ริมถนนพัฒนาการ ในวันที่ 23 มีนาคม ถือเป็นประเทศที่ 4 ของโลกต่อจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน

การเลือกไทยป็น หมุดหมายแรก ในการเปิดสาขานอกห้างในอาเซียน มีเหตุผลที่น่าสนใจหลายประการ หากยก “ปัจจัยบวก” จากตัวเลข “ผลประกอบการ” ในไตรมาส 1 (ก.ย.60 – พ.ย.60) ที่บริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด (Fast Retailing Co.ltd.) ที่รายงานจะพบว่า ตลาดอาเซียนนั้นมี “ยอดขาย” และ “กำไร” เติบโตอย่างแข็งแกร่งเป็นอัตรา 2 หลัก โดยเฉพาะ “ไทยและอินโดนีเซีย”

แต่เมื่อเทียบจำนวนสาขาแล้ว ไทยมีอยู่ 35 สาขา แต่อินโดนีเซียมีน้อยกว่าเพียง 14 สาขาเท่านั้น และเมื่อดูศักยภาพการเติบโต “มร.โอกุริ โทโมโยชิ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) บอกว่า “ไทยเป็นตลาดที่มีการเจริญเติบโตเร็วสุดในภูมิภาค” เหตุผลจึงลงล็อกที่ประเทศไทย

ส่วนทำเล ย่านพัฒนาการ” เป็นทำเลในการเปิดสาขารอบนี้ ผู้บริหารยูนิโคล่ บอกว่า กรุงเทพโซนตะวันออกเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่มีกำลังซื้อสูง มีประชากรหนาแน่นประมาณ 7 แสนคน การคมนาคมเชื่อมต่อหลายเส้นทางในกรุงเทพฯ เป็นต้น

ขณะที่ “จุดขาย” ของสาขา Roadside คือเป็นร้านที่ตั้งโดดเด่นริมถนน มีพื้นที่ขาย 1,440 ตารางเมตร เป็นร้านที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “LifeWear” มีสินค้าครบถ้วน (Full Line up) สำหรับกลุ่มเป้าหมายผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก ทารก และคอลเลกชั่นพิเศษ ส่วนการออกแบบร้านยังเน้นให้เหมาะกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่เป็น “ครอบครัว” มากขึ้น มีโซนสำหรับเด็กๆ ที่สำคัญด้วยเป็นพื้นที่สแตนด์อโลน จึงมีพื้นที่จอดรถ 50-60 คันด้วย

ขณะที่ปัจจุบันร้านยูนิโคล่ที่มีสินค้าครบไลน์มีแค่เซ็นทรัลเวิลด์เท่านั้น ซึ่งเป็นสาขาใหญ่มีพื้นที่ 1,500 ตร.ม. ส่วนอีกช่องทางคือออนไลน์ ที่ลูกค้าหาซื้อสินค้าได้ทุกแบบทุกคอลเลกชั่น 

“สาขารูปแบบ Roadside เพราะต้องการตอบโจทย์ความสะดวกสบายในการช้อปปิ้งให้กับลูกค้า เพราะการจะเดินทางเข้ามาช้อปร้านที่อยู่ภายในศูนย์การค้าจะต้องเผชิญทั้งรถติด และยังช่วยสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งให้แตกต่างจากเดิม”

ความน่าสนใจอย่างหนึ่งของการนำโมเดล Roadside มาเปิดในไทย “ความสำเร็จ” ในประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นสาขาที่มีบทบาทสำคัญต่อการ “เติบโต” ของยูนิโคล่อย่างมาก และบริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่งจึงนำไปขยายต่อที่ประเทศเกาหลีใต้และไต้หวัน ซึ่งทั้ง 2 ประเทศมียอดขายที่เติบโตในอัตรา “สูงมาก”

อย่างไรก็ตาม แม้ยูนิโคล่จะให้ความสำคัญกับการเปิดร้านโมเดลใหม่มากขึ้น แต่การขยายสาขาในศูนย์การค้า ก็ยังดำเนินควบคู่กันไป ซึ่งภายในเดือนเมษายนนี้ บริษัทจะเปิดอีก 2 สาขา ไปกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซามหาชัย และเซ็นทรัลพิษณุโลก ถือเป็นการเจาะ “เมืองรอง” ไปพร้อมกับห้างค้าปลีกนั่นเอง

+++ยูนิโคล่ ขึ้นเบอร์ 1 ฟาสต์แฟชั่นรีเทลในไทย

หากพูดถึงแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นในเวทีระดับโลกด้านรายได้ต้องยกให้ “ซาร่า (ZARA)” เป็นเบอร์ 1 และมี “เอชแอนด์เอ็ม (H&M)” เป็นเบอร์ 2 และยูนิโคล่คือเบอร์ 3 แต่ในประเทศไทยยูนิโคล่ซึ่งเคยเป็นเบอร์รอง แต่จากการเข้ามาทำตลาดเพียง 7 ปี รายได้ “แซงหน้า” ทั้ง 2 แบรนด์เรียบร้อยแล้ว

ความสำเร็จของยูนิโคล่ คือการมีสินค้าคอลเลกชั่นใหม่ๆ ที่ถูกจริตกับแฟชั่นนิสต้าของเมืองไทยทั้งชาย หญิง เด็ก และผู้ใหญ่ มีสินค้าที่ออกมาตอบสนองความต้องการและกระตุ้นขาช้อปถี่ “ทุกสัปดาห์” แต่ถ้าเป็นคอลเลกชั่นที่มีการ Collaboration กับดีไซน์เนอร์หรือแบรนด์ดัง ก็จะมีออกมาเป็นระยะสอดคล้องกับทิศทางของบริษัทแม่ทั่วโลก

พฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยมีการซื้อสินค้าคอลเลกชั่นใหม่ทุกสัปดาห์ เราจึงต้องออกสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดถี่ๆ

ที่สำคัญคือ “ราคา” ที่จับต้องได้ เพราะนอกจากจะมีโปรดักต์ที่โดนใจแล้ว ราคาที่ไม่สูงมากนัก เป็นตัวตัดสินว่าผู้บริโภคจะยอมควักเงินซื้อหรือไม่นั่นเอง

+++ขยาย 40 สาขาใหม่ในอาเซียน-โอเชียเนีย

สำหรับแผนการขยายสาของยูนิโคล่ในปี 2561 (ปีบัญชี ก.ย.60 – ส.ค.61) โซนอาเซียนและโอเชียเนีย (ออสเตรเลีย) จะเปิดทั้งสิ้น 40 สาขา ขณะที่ปัจจุบันยูนิโคล่มีร้านเปิดให้บริการทั่วโลกประมาณ 1,900 สาขา ใน 19 ประเทศ โดยญี่ปุ่นมี 850 สาขา ที่เหลือ1,050 สาขา อยู่ในตลาดต่างประเทศ หรือ International Market

ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวยูนิโคล่จะขยายสาขาในไทยครบ 100 แห่งในปี 2563 และเตรียมนำแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอของบริษัทอย่างจียู (GU) มาเปิดในไทย ทางผู้บริการยังไม่คอนเฟิร์ม แต่แบ่งรับแบ่งสู้ว่า “ถ้ามีโอกาสก็จะได้เห็น แต่ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ”

ดังนั้น สาวกยูนิโคล่ คงต้องรอแบรนด์ลูกกันต่อไป ระหว่างนี้ก็เตรียมตัวช้อปสาขา Roadside ไปก่อนแล้วกัน.