มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอ Facebook ยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงฟีดข่าวให้เน้นแสดงเนื้อหาของเพื่อนและครอบครัว ทำให้ระยะเวลาการใช้งาน Facebook ลดลงเมื่อเทียบกับฟีดข่าวแบบเดิม
แม้จะมีวิกฤติข่าวลวงและการเปลี่ยนแปลงระบบฟีดข่าวที่ทำให้บริษัทถูกมองในแง่ลบ แต่เฟซบุ๊ก (Facebook) ยังคงทุบสถิติใหม่อีกครั้งในรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2017 โดยประเด็นน่าสนใจคือผู้ใช้งานประจำที่ทะลุหลัก 1.4 พันล้านรายต่อวันนั้น ถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นที่ Facebook เคยทำได้
สถิติผู้ใช้ Facebook ที่มีมากกว่า 1.4 พันล้านรายนี้คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 2.18% เท่านั้น น้อยกว่าที่เคยทำได้ในไตรมาสก่อนหน้า นั่นคือ 3.8% ซึ่ง Facebook เคยประกาศเมื่อครั้งยอดผู้ใช้งานอยู่ที่ 1.37 พันล้านรายต่อวันในไตรมาส 3 สะท้อนอัตราการเติบโตผู้ใช้ที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง จนเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในไตรมาสที่ผ่านมา
ภาวะผู้ใช้ที่ลดลงนี้อาจเป็นเพราะการปรับเปลี่ยนฟีดข่าวครั้งล่าสุด ที่ทำให้การแสดงผลวิดีโอไวรัลลดลงไปด้วย จุดนี้มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอ Facebook ยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงฟีดข่าวให้เน้นแสดงเนื้อหาของเพื่อนและครอบครัว ทำให้ระยะเวลาการใช้งาน Facebook ลดลงเมื่อเทียบกับฟีดข่าวแบบเดิม
“(ฟีดข่าวใหม่) ลดเวลาใช้งาน Facebook ประมาณ 50 ล้านชั่วโมงต่อวัน” เฉลี่ยแล้วเท่ากับการใช้งาน Facebook หดหายไป 2.14 นาทีต่อผู้ใช้ต่อวัน
ตลอด 3 เดือนปลายปีที่ผ่านมา Facebook มีรายได้รวม 12,970 ล้านเหรียญสหรัฐ เฉลี่ยกำไรต่อหุ้น 2.21 เหรียญ รายได้นี้ทะลุ 12,550 ล้านเหรียญที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ ซึ่งมองว่ากำไรต่อหุ้นจะอยู่ที่ 1.95 เหรียญ
ผู้ใช้รายเดือนของ Facebook วันนี้เพิ่มเป็น 2.13 พันล้านราย เพิ่มขึ้น 3.39% จาก 2.06 พันล้านในไตรมาสที่ 3 ซึ่งมีการเติบโต 3.19% โดยสถิติของผู้ใช้รายเดือนที่กลับมาใช้งาน Facebook ประจำทุกวันนั้นอยู่ที่ 66% ถือเป็นสัดส่วนคงที่ตั้งแต่ปี 2015 แสดงให้เห็นว่าผู้คนยังคงกลับมาที่ Facebook แม้ว่าจะใช้เวลาน้อยลง
รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ Facebook เพิ่มขึ้นเป็น 6.18 เหรียญ เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา รายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 47% อย่างไรก็ตาม Facebook เตือนนักลงทุนว่าพื้นที่โฆษณาในฟีดข่าวนั้นถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่น้อยในอนาคตอันใกล้
ในภาพรวม Facebook ทำกำไรสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 4.26 พันล้านเหรียญ ลดลงจาก 4.7 พันล้านในไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากภาษี โดยราคาหุ้นของ Facebook ลดลง 4% ทันทีหลังประกาศ
สนับสนุนข่าวโดย : mgronline.com/cyberbiz/detail/9610000010449