ช่อง 3 กำไรวูบหนัก เหลือ 61 ล้านบาท เตรียมเขย่าอีกรอบ หลัง “สมประสงค์” ลาเก้าอี้ประธานกรรมการบริหาร

แม้ว่าช่วงปีที่ผ่านมาช่อง 3 จะพยายามเร่งแก้ปัญหาเรื่องรายได้ลดลงต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากแข่งขันคู่แข่งทีวีดิจิทัล ที่เข้ามาแย่งชิงเม็ดเงินโฆษณา รวมถึงการมาของสื่อดิจิทัลส่งผลต่อพฤติกรรมการเสพสื่อของคนยุคใหม่  จนต้องมีการปรับโครงสร้างองค์กรไประลอกใหญ่เมื่อปีที่แล้ว นำทีมมืออาชีพเข้าบริหาร

แต่การเปลี่ยนแปลงยังไม่เห็นผลนัก เมื่อรายได้ยังคงลดลงต่อเนื่อง  โดยเฉพาะผลประกอบการปี 2560 บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือช่อง 3 ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ มีรายได้รวมทั้งปี   11,035 ล้านบาท กำไรลดลงเหลือ 61 ล้านบาท รายได้รวมลดลง 10% จากปี 2559 ที่มีรายได้รวม 12,265.8 ล้านบาท แต่กำไรลดลงถึง 95 % เป็นตัวเลขรายได้และกำไรที่น้อยที่สุด

ช่อง 3 ระบุถึงสาเหตุลที่กำไรเหลือ 61 ล้านบาท มาจากต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยมีค่าใช้จ่ายรวม 9,176.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3% เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 8,769.3 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่มาจากการผลิตรายการและต้นทุนการถ่ายทอดรายการกีฬาอยู่ที่ 5,910.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.8% หรือ 425.2 ล้านบาท จากปี 2559 ที่อยู่ที่  5,485.5 ล้านบาท

รายได้จากการโฆษณาทั้งปี 2560 อยู่ที่ 9,890.2 ล้านบาท ลดลง 11.3% จากปี 2559 ที่มีรายได้  11,151.2 ล้านบาท

ทั้งนี้ช่อง3 ชี้แจงว่าเป็นไปตามเม็ดเงินโฆษณาโดยรวมของตลาดที่หดตัวลง 6% ในปี 2560 ทำให้จำนวนนาทีโฆษณาของช่อง 3 ขายได้น้อยลงตามความซบเซาของตลาด โดยที่รายได้จากการโฆษณานี้เป็นรายได้หลัก 89.6% ของรายได้รวมทั้งหมด แต่รายการจากการให้ใช้ลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้นอยู่ที่  618.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6% จากปี 2559 ที่มีรายได้ 541.2 ล้านบาท

สมประสงค์ ลาออกประธานกรรมการบริหาร

นอกจากนี้ ช่อง 3 ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 ว่า สมประสงค์ บุญยะชัย  ได้ขอลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร เนื่องจากมีภาระหน้าที่ด้านอื่นๆ จนอาจจะมีผลกระทบด้านเวลา ไม่สามารถมีเวลาให้กับบริษัทในตำแหน่งดังกล่าวได้อย่างเต็มที่ แต่ยังคงเป็นกรรมการบริษัทต่อไป มีผลวันที่ 1 มีนาคมเป็นต้นไป

เท่ากับว่า ต่อจากนี้ สมประสงค์จะไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับงานบริหารในช่อง  3 อีกต่อไป  การลาออกของสมประสงค์ สร้างความน่าสนใจและติดตามมากกว่า จะเกิดการปรับเปลี่ยนองค์กรอีกครั้งหรือไม่ ท่ามกลางการแข่งขันวงการทีวีดิจิทัลที่ต้องชิงเรตติ้ง สร้างรายได้จากค่าโฆษณากันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะสถานการณ์ที่รายได้และกำไรของช่อง 3 ตกลงอย่างมาก

สมประสงค์ อดีตซีอีโอ เอไอเอส และอินทัช เข้ามาเป็นกรรมการบริษัทบีอีซี ตั้งแต่ 18 มกราคม 2560 และรับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารตั้งแต่ 27 เมษายน 2560

การเข้ามาของสมประสงค์ ในช่อง 3 มาจากการความต้องการ ปรับโครงสร้างองค์กร ด้วยการระดมมืออาชีพจากภายนอก เข้ามาบริหารงานเป็นจำนวนมาก  เพื่อหาโมเดลใหม่ๆ สร้างรายได้และการรับมือกับการแข่งขัน จากเดิมที่การบริหารงานจะอยู่ภายใต้ตระกูลมาลีนนท์มาตลอด

พร้อมกับดึงทีมงานมืออาชีพจากภายนอก มีตำแหน่งใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่น Chief Technology and New Media Officer Chief Marketing Officer  Chief Investment Officer  Chief of research, Chief of news และ Chief of broadcasting  และยังมีการตั้งที่ปรึกษา และคณะทำงานขึ้นมาอีกหลายชุด ช่วยระดมสมองช่วยกันสร้างอนาคตของช่องอย่างจริงจัง

แต่ภายใต้การบริหารงาน ที่มีลำดับขั้นการตัดสินใจ มีตัวเลขและผลวิจัย เริ่มไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ของช่อง3 ที่ต้องตัดสินใจให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอย่างวงการทีวี และต้องแข่งขันกับคู่แข่ง 20 กว่าช่อง สถานการณ์ภายในช่อง 3 จึงยิ่งตึงเครียดมากขึ้น จนเป็นที่มาของการเปลี่ยนแปลงองค์กรขึ้นอีกครั้ง

โดยประชุมจะรักษาการในตำแหน่งประธานบอร์ดบริหารนี้ไปก่อน แต่ได้ติดต่อคนใหม่ที่จะมารับตำแหน่งนี้แล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นใคร ท่ามกลางข่าวลือว่า อาจจะมีการเขย่าปรับองค์กรอีกครั้ง.