เทรนด์เปลี่ยนโลโก้แรง? Lacoste ทิ้งจระเข้ (ชั่วคราว) หันมาใช้สัตว์ใกล้สูญพันธุ์แทน

ศึกษา Lacoste แบรนด์ใหญ่แฟชั่นสัญชาติฝรั่งเศส ที่วันนี้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนโลโก้เฉพาะกิจช่วยสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ขณะเดียวกันก็แฝงข้อมูลน่าเป็นห่วงให้ชาวโลกได้รับรู้อย่างแนบเนียน ถือเป็นอีกแบรนด์ใหญ่ที่จัดเต็มแคมเปญเล่นกับโลโก้ตัวเองแบบไม่ต้องแคร์

คงต้องบอกลากับจระเข้ชั่วคราวสำหรับลูกค้า Lacoste ที่สนใจซื้อเสื้อโปโลรุ่นพิเศษที่วางจำหน่ายในจำนวนจำกัดมากเนื่องจาก Lacoste กำลังเปลี่ยนโลโก้จระเข้สีเขียว มาเป็นสัตว์อื่นที่ถูกวาดและปักเป็นสไตล์และสีคล้ายคลึงกับโลโก้เดิม โดยสัตว์ที่ถูกเลือกมาคือสัตว์โลกใกล้สูญพันธุ์ 10 ชนิด

ความเคลื่อนไหวของ Lacoste แบรนด์เสื้อผ้าเมืองน้ำหอมร่วมมือกับกลุ่ม BETC Paris และ International Union for Conservation of Nature เพื่อรณรงค์ให้ชาวโลกรับรู้ถึงสายพันธุ์ที่ถูกคุกคาม โดยทำเป็นแคมเปญสุดเก๋ที่ได้รับคะแนนเต็มทั้งในแง่ไอเดียและวิธีการ

สัตว์ที่ถูกเลือกมาทำแคมเปญ มีตั้งแต่ Anegada Rock Iguana ที่เหลืออยู่เพียง 450 ตัวบนโลก หรือ Vaquita ที่มีประชากรรวมกันเหลือ 30 ตัวเท่านั้น

ผลคือ Lacoste และกลุ่มพันธมิตรเลือกเชื่อมโยงตัวเลขประชากรสัตว์น้อยนิดนี้เข้ากับจำนวนเสื้อโปโลที่จะผลิตสำหรับสัตว์แต่ละสายพันธุ์ ทำให้มีการกำหนดให้ลายเสื้อสอดคล้องกับจำนวนของสัตว์ที่เชื่อว่าจะยังคงอยู่ในป่า 

ตัวอย่างเช่น จะมีเสื้อโปโลที่ติดตราตัวอิกัวน่า Anegada Rock Iguana จำหน่ายเพียง 450 ตัวเท่านั้น ตามจำนวนประชากรอิกัวน่าพันธุ์พิเศษ 450 ตัวที่เหลืออยู่บนโลก

ความเคลื่อนไหวของ Lacoste เรื่องการทำโลโก้ใหม่เพื่อเลียนแบบโลโก้จระเข้เดิม นั้นเกิดขึ้นหลังจากที่แบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่าง Johnnie Walker ก็ลงทุนเปลี่ยนสัญลักษณ์จากผู้ชายเป็นผู้หญิง พร้อมให้ชื่อ ‘Jane Walker’ เพื่อเอาใจกลุ่มหญิงนักดื่มให้มากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ในมุมของ Lacoste ถือว่าเป็นการทำแคมเปญเพื่อการกุศล ซึ่งเตรียมเสื้อจำนวน 1,775 ตัวเท่านั้นในแคมเปญนี้

ผู้สนใจสามารถซื้อได้จากเว็บไซต์ของ Lacoste ฝรั่งเศส สนนราคาประมาณ 183 เหรียญต่อตัว ซึ่งจะมีการนำเงินรายได้ไปช่วยเหลือสัตว์ป่า ทำให้ Lacoste ได้รับเสียงชื่นชมเจตนารมณ์ของแคมเปญไม่น้อย

น่าเสียดายที่สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ 10 ชนิดในแคมเปญนี้ไม่มีเสือดำ แต่มีรูปเสือลายพาดกลอนที่เหลืออยู่ 350 ตัว น้อยกว่าอิกัวน่าพันธุ์ Anegada Rock เสียอีก.

ที่มา