เรื่องน่ารู้ ! ถุงพลาสติก “Céline” ราคา 1.8 หมื่นบาทในมือชมพู่-อารยา

ถุงพลาสติกแบรนด์แฟชั่น “Céline” ราคาเกิน 18,000 บาทที่ชมพู่อารยาหิ้วจนเป็นข่าวดังนั้นไม่ได้เป็นประเด็นเรื่องราคาอย่างเดียว แต่เรื่องนี้เป็นการรณรงค์ให้นำถุงพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ และเกี่ยวข้องกับกระแสแบนพลาสติกที่กำลังร้อนแรงในหลายอุตสาหกรรมโลกตะวันตกโดยตรง 

ไม่เพียงถุงพลาสติก ล่าสุดหลายเมืองในสหรัฐฯ และยุโรปประกาศรณรงค์งดถ้วยหลอดช้อนพลาสติกใช้แล้วทิ้ง ขณะที่เริ่มมีการแจ้งเกิดซูเปอร์มาร์เก็ตไร้พลาสติกแห่งแรกของโลก ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าพลาสติกกำลังเป็นประเด็นร้อนที่นักการตลาดโลกกำลังจับตาเป็นพิเศษในปีนี้

*** ถุงพลาสติกขึ้นรันเวย์

ต้นเดือนมีนาคมเป็นช่วงที่งาน Paris Fashion Week AuAutumn/Winter 2018 จัดขึ้นที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ดาราดังอย่างชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ไม่พลาดร่วมงานพร้อมกับโพสต์ภาพลง IG ของตัวเองต่อเนื่อง ประเด็นร้อนเกิดขึ้นเมื่อมีการตั้งข้อสังเกตว่าแม่ชมถือถุงพลาสติกใสตีตรา “Céline” แบรนด์แฟชั่นดังที่โชว์ถุงนี้บนรันเวย์ และตั้งราคาไม่ธรรมดาคือ 592 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.8 หมื่นบาท

ภาพจาก : https://www.instagram.com/chomismaterialgirl/

ผลคือโลกออนไลน์ไทยกล่าวขานแต่เพียงประเด็นราคา ที่สูงลิ่วสวนทางกับภาพการเป็นถุงพลาสติกใส่ข้าวแกงหรือก๋วยเตี๋ยวลุยสวนในตลาดนัด แต่ในเวทีโลก สื่อออนไลน์หลายสำนักชี้ว่านี่คือสัญญาณที่ตอกย้ำว่าถุงพลาสติกช้อปปิ้งกำลังเป็นไอเท็มล่าสุดที่โลกแฟชั่นกำลังยึดเป็นศูนย์กลาง เนื่องจากไม่เพียง Céline วันนี้ Burberry และ Balenciaga ก็ชวนถุงพลาสติกขึ้นรันเวย์เช่นกัน

เว็บไซต์ refinery29.com วิเคราะห์ว่าการหยิบยื่นถุงพลาสติกให้นางแบบถือบนรันเวย์แฟชั่นโชว์ เป็นการกระตุ้นชั้นดีให้ผู้ชมอยากรู้อยากเห็น เพราะไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอนที่ถุงพลาสติกซึ่งร้านค้าใช้ใส่สินค้าจะถูกดันขึ้นสู่สายตาชาวโลกแบบพร้อมใจหลายแบรนด์เหมือนนัดกัน แถมยังเป็นเรื่องแปลกมากที่แบรนด์แฟชั่นจะทำให้เราผู้บริโภคต้องจ่ายเงินหมื่นเพื่อซื้อถุงพลาสติก

คำตอบของเรื่องนี้คือแบรนด์แฟชั่นระดับโลกกำลังกระตุ้นให้ผู้ซื้อเดินไปบนถนนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและนำถุงพลาสติกนี้กลับมาใช้ซ้ำ แม้เรื่องนี้จะไม่มีการประกาศชัดเจน และเสี่ยงกับภาพแบรนด์เพราะสินค้าที่นำเสนอนั้นตรงกันข้ามกับป้ายแบรนด์ที่หรูหราราคาแพง

นอกจาก Céline ก่อนหน้านี้แบรนด์อย่าง Raf Simons ออกแบบถุงโปร่งใสสำหรับร้าน Voo ในเบอร์ลินด้วยราคาขายปลีก 158.79 เหรียญ ล่าสุดคือคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ผลิ 2018 จาก Céline, Burberry และ Balenciaga ที่มีถุงพลาสติกอยู่บนรันเวย์ โดย Céline ซึ่งเป็นข่าวเพราะชมพู่นั้นราคา 592 เหรียญ ขณะที่ Balenciaga ราคาแพงกว่าถึง 1,159 เหรียญ

ความหมายที่ซ่อนอยู่ของการที่แบรนด์ลุกขึ้นมาติดแบรนด์และกำหนดราคาถุงเหล่านี้ เป็นเหมือนสิ่งเตือนใจผู้บริโภคที่ใช้ถุงพลาสติกว่าอย่าทิ้ง และควรนำกลับมาใช้ใหม่ ดังนั้นในแง่ของธุรกิจแฟชั่น การนำถุงพลาสติกขึ้นรันเวย์ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แถมยังกำไรด้วยหากมีใครเจียดสตางค์มาซื้อไปใช้งาน

*** แบนถุงหลอดช้อนถ้วยพลาสติก

ประเด็นของ Céline ถือว่ารับกับกระแสรณรงค์ลดการเกิดขยะจากพลาสติกที่กำลังร้อนแรงในโลกตะวันตก ซึ่งไม่เพียงถุง แต่หลายเมืองชายฝั่งทะเลในสหรัฐอเมริกาและยุโรปพร้อมใจออกกฎห้ามหรือจำกัดการใช้หลอดพลาสติก รวมถึงอุปกรณ์ช้อนส้อมมีดถ้วยพลาสติกที่มักกลายเป็นขยะริมชายหาด

เมืองที่มีการแบนอุปกรณ์พลาสติกใช้แล้วทิ้งคือ Malibu, Davis และ San Luis Obispo ในแคลิฟอร์เนีย ยังมี Miami Beach และ Fort Myers ในฟลอริดา โดยคาดว่าจะมีการออกกฎหมายที่มีเป้าหมายเพื่อลดการใช้หลอดพลาสติก กระตุ้นให้ประชาชนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ก่อนขยายไปยังโครงการขนาดใหญ่ขึ้น โดยเมืองชายฝั่งอื่นในสหรัฐฯ อาจออกมาตรการคล้ายกันในอนาคต

สิ่งที่เราเห็นได้ชัดคือสหรัฐอเมริกากำลังเอาจริงเรื่องปัญหาพลาสติก ยังไม่นับแบรนด์อย่าง Evian, Coke และ McDonald’s รวมถึงแบรนด์อื่นที่พร้อมใจประกาศเป้ารีไซเคิล 100% ซึ่งไม่เพียงแดนลุงแซม สก็อตแลนด์ก็วางแผนกำจัดหลอดพลาสติกออกหมดประเทศในปี 2019 หรือปีหน้า

บ้านใกล้เรือนเคียงเราอย่างไต้หวัน ก็เตรียมการเพื่อประกาศห้ามใช้หลอด ถ้วย หรือถุงช้อปปิ้งที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเช่นกัน คาดว่าจะประกาศได้ปี 2030

*** กำเนิดซูเปอร์มาร์เก็ตไร้พลาสติกแห่งแรกของโลก

28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนเธอร์แลนด์เพิ่งเปิดตัวซูเปอร์มาร์เก็ตพันธุ์ใหม่ที่ปลอดพลาสติก โดยจำกัดเป็นโซนในร้าน Ekoplaza ซึ่งจะจัดเรียงสินค้าทุกประเภทที่ไม่มีส่วนประกอบของพลาสติกแฝงในบรรจุภัณฑ์ ทั้งของชำ ขนมขบเคี้ยว และของที่ระลึกอื่นที่ใช้บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติหรือกระดาษ เชื่อว่าการจัดโซนนี้เป็นจุดสำคัญในการต่อสู้กับมลภาวะพลาสติกทั่วโลก

สินค้าที่ปราศจากพลาสติกในโซนนี้มีมากกว่า 700 รายการ ทั้งเนื้อสัตว์ ซอส ธัญพืช โยเกิร์ต และช็อกโกแลต จุดนี้ Erik Does หัวหน้าผู้บริหารของ Ekoplaza ยืนยันว่าพันธกิจนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เคล็ดลับทางการตลาด แต่เป็นสิ่งที่ Ekoplaza ให้ความสำคัญมาหลายปีแล้ว

มีความเป็นไปได้สูงที่โซนปลอดพลาสติกในซูเปอร์มาร์เก็ตอาจจะขยายตัวสู่ประเทศอื่นในอนาคต โดยเฉพาะวันนี้ที่ Frans Timmermans รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปซึ่งเป็นผู้บริหารของสหภาพยุโรปเคยกล่าวกับสื่อว่า หากมนุษย์เราไม่ทำคิดแก้ปัญหาเรื่องพลาสติกล้นโลก อีก 50 ปีข้างหน้า โลกเราจะมีพลาสติกมากกว่าปลาในมหาสมุทร

อีกสิ่งที่เราสามารถสรุปได้คือ ธุรกิจผลิตหลอดดูดน้ำ, ขวดพลาสติก, ถ้วยกาแฟ และฝาปิดจากพลาสติกจะต้องปรับตัว  เพราะทั้งหมดนี้คือรายการสินค้าที่อียูจะแบนทั้งกระบุง.

ที่มา