นิ้วกลมทั้งห้า สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์

…ว่ากันว่า “สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์” หรือ “นิ้วกลม” เป็นนักคิด-นักเขียนที่เฟี้ยวคนหนึ่งในวงการ เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุเพียง 26 ปี กับผลงานสร้างชื่ออย่าง “โตเกียวไม่มีขา” ด้วยการถ่ายทอดที่ครบถ้วนทั้งความคิดสร้างสรรค์ ปรัชญา และอารมณ์ขัน นิ้วกลมจึงได้รับการยอมรับจากบรรดา “HIP Generation” ว่าเป็นหนึ่งใน “แรงดลใจ” ลำดับต้นๆ ของพวกเขาเลยทีเดียว…มารู้จักชีวิตของของเขา ครีเอทีฟ โฆษณา งานเขียน ผ่านนิ้วกลมทั้งห้า ล้วนแต่มีเรื่องราวน่าคิด และจดจำ

คำเตือน งานเขียนของนิ้วกลมล้วนจัดอยู่ในประเภท “ฉูดฉาด” อาจมีอักษรที่ได้รับการดัดแปลง “พันธุคำ” / ไวยากรณ์นิ้วกลมประยุกต์ / และโวหารพิลึกเกินจินตนาการ โปรดใช้ “สัญชาติญาณ” ในการคิด + ขำตามอัธยาศัย

“…นิ้วไหนที่ว่ากลม?”

“ทุกนิ้วเลยครับ…” เขายื่น “ปลายนิ้วทรงกลม (อารมณ์ดี)” ที่เหมือน “Smiley Emoticon” ให้เราดู เส้นทางย่นย่อของการชีวิต จินตนาการ และความฝันล้วนได้รับการบันทึกอยู่บนรายทางระหว่างนิ้วกลมกลมทั้งห้านี่เอง

นิ้วโป้งกลมกลมของสราวุธดูเปลี่ยนไปจากหัวแม่โป้งของเด็ก ม.ปลาย ที่ยังหาตัวเองไม่เจอ เมื่อเขาเห็นภาพวาดมอเตอร์ไซค์ใน Portfolio ของครูฝึกสอนชั่วโมงศิลปะ “เป็นวิชาเดียวที่เรียนสนุกทั้งที่ผมไม่ได้ชอบวิชาศิลปะ ครั้งนึงผมวาดสนามบาสโดยเปลี่ยนสีทุกอย่างเป็นสีตามจินตนาการและลองใช้สีโปสเตอร์สะท้อนแสงดู มันธรรมดานะครับ แต่ที่พิเศษคือคำชมจากครูที่ทำให้เรารู้สึกว่า การคิดออกจากความจริงนี่ช่างท้าทายและน่าสนุก”

นิ้วชี้กลมกลม จรด “วงสวิง” กับนิ้วโป้งเป็นสัญลักษณ์ ”OK!!”…โดยไม่ลังเล เขาเลือกเอนทรานซ์เข้าคณะสถาปัตยกรรมภาควิชาการออกแบบอุตสาหกรรมตามครูฝึกสอนผู้เป็นแรงบันดาลใจตั้งต้น

5 ปีผ่านไป นิ้วกลางกลมกลม ได้รับการหล่อหลอมวิธีคิดอย่างมี “กระบวน” โดยไม่รู้ตัว …”ต้องช่างสังเกต เพราะงานออกแบบมาจากการตั้งโจทย์และการแก้ปัญหา” นับแต่นั้นมานิ้วกลางฯจึงกลายเป็นตัวเชื่อมระหว่างโลกของวิทยาศาสตร์และโลกของศิลปะ “เราไม่ได้ถูกสอนมาให้สื่อสารสิ่งที่เราจินตนาการเพียงอย่างเดียว แต่ทุกอย่างที่ออกแบบต้องสามารถใช้งานได้จริง”

ปีสุดท้ายนิ้วชี้ฯเลือกเรียนสาขา” Graphic Design” จึงมีโอกาสได้รู้จักกับ “วิชาโฆษณา” ที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเรียน “อู้หูว์…เหมือนเจอแฟนเลยครับ สนุกมาก วันแรกอาจารย์ให้ลองเล่าถึงความร้อน…นั่นสิไม่เคยคิดมาก่อน ร้อนแบบพ่อพระอาทิตย์มาเอง / ร้อนแบบเหงื่อหมดร่าง /… คือมันมีภาพมีคำมากมายมาสื่อสาร แค่เรารู้จักนำมาเล่นกับความคิด เลยจับทางได้ว่าตัวเองคงชอบการหาสัญลักษณ์มาสื่อสาร”

“Leo Burnett” กลายเป็นโรงเรียนที่ทำให้สราวุธมั่นใจว่า “เขาทำโฆษณาเป็น” เขาฝึกงานที่นี่และเมื่อเรียบจบได้พยายามครีเอตชิ้นงานใหม่ๆ มาเติม Portfolio อยู่เสมอ “ผมเชื่อว่าคนขยันสุดท้ายจะเก่ง แต่ถ้าเก่งแล้วไม่ขยันสุดท้ายก็จบ” กระทั่งได้รั้งตำแหน่ง Creative Copywriterในที่สุด “มันเป็นชีวิตที่สนุก คิดทุกวันจนกล้ามขึ้นสมอง เพราะธรรมชาติของโฆษณาคือ สั้น ง่าย เร็ว” เขาตระหนักว่าแท้จริงโครงร่างของงานโฆษณามักถูกแบ่งออกเป็น “What to say?” และ “How to say?” ทว่างานโฆษณาที่ดีในแง่ของการสื่อสารนั้น “What to say?จะต้องใหม่” จึงจะได้รับการสนใจ (แม้ยังไม่ได้คิดวิธีสื่อสาร) เช่น ช็อกโกแลตที่กินแล้วจีบสาวติด “ที่ Burnett พอได้โจทย์ เราจะเริ่มจากการคิดมุมในการสื่อสารก่อน เช่น คำว่า รถเร็ว เราไม่ได้เริมคิดว่าอ้อรถมันวิ่งเร็ว แต่เราจะคิดว่ารถเร็วทำให้มีเวลาอยู่กับภรรยาที่บ้านมากขึ้น เร็วจนแซงได้ก็ต่อเมื่อคุณจอด หรือเร็วจนเสือชีตาร์มากราบ”

“ผมกลายเป็นคนชัดเจนกับคอนเซ็ปต์มาก จนต่อยอดไปถึงวิธีดำเนินชีวิต” เช่นกัน…หนังสือแต่ละเล่มของเขาจึงมีแก่นที่ชัดเจน เขาว่าคนเราควรมี “แก่น” กัน (เลื่อน) ลอย โดยเฉพาะเมื่อใช้ความคิดสร้างสรรค์ “ฟุ้งได้แต่ต้องจบชัด”

การพรีเซนต์ไอเดียเป็นอีกสิ่ง “อภิมหาสำคัญ” …ครีเอทีพต้องสามารถแสดงเบื้องหลังของไอเดียซึ่งกำลังจะถูกลูกค้าตัดสินภายใน 5 นาที (เสมอ) ให้ได้

“ผมมีโอกาสได้ไปเวิร์คช็อปกับครีเอทีฟย่านๆ เอเชียหลายครั้ง เค้าชื่นชมงานคนไทยมาก และทุกครั้ง สองประเทศที่สนุกสุดๆ คือ “ไทยกับญี่ปุ่น” พวกเราชอบทำอะไรมันส์ๆ ของญี่ปุ่นบางทีพรีเซนต์เสร็จแล้วงงก็มี แต่เออ…จำได้แฮะส่วนสิงคโปร์กับอินเดีย ก็จะเป็นเหมือนเด็กเรียนเลย”

นิ้วนางกลมกลม เห็นว่านิ้วกลางฯ เหนื่อยทว่าสนุกมาตลอด จึงฉวยจังหวะก่อนเริ่มงานใหม่ที่ JWT ออกเดินทางตามฝันให้ตัวเองเสียที ดังวลีในเรื่อง “Dead Poet Society” ที่บอกว่า “Seize the day (จงฉวยวันเวลานี้ไว้)” “…มันตอกย้ำผมมาเสมอ ไม่รู้สิ…ผมอ่อนไหวและศรัทธากับเรื่องความฝันมากๆ” เขาจึงเริ่มจากการ Backpackไปญี่ปุ่น “คือผมรู้สึกว่าชีวิตหลังเลิกงานมันหายไป เราน่าจะมีวัตถุดิบใหม่มาเพิ่มเติมบ้าง” ตอนนั้น โตเกียวบอกผมว่า “ถ้าตั้งใจ มันจะเป็นไปได้”

นิ้วโป้งฯ เล่าว่าตอนอยู่ปี 5 a day เล่มแรกวางแผง และกลายเป็นแรงบัลดาลใจของวัยรุ่นในยุคนั้นรวมถึงเขา “ผมกับเพื่อนเลยทำหนังสือทำมือไปเสนอ” กระทั่งได้เขียนคอลัมน์ E=iq2 และงานเขียนต่างๆ ที่เป็นลักษณะของสนามทดลองสมมติฐาน เช่น การเขียนกลับหลัง การเขียนด้วยตัวพยัญชนะและรูปแบบที่ไม่คุ้นชิน “งานเขียนมีอะไรให้ทดลองอีกเยอะ ผมว่าความพิการของภาษาบางครั้งมันก็น่ารักดี ผมชอบให้มีรอยด่างพร้อย แล้วค่อยให้คนมาช่วยกันอุดรู สำคัญคือเราต้องกล้าที่จะโยนหินก้อนแรกซึ่งสำคัญที่สุด” เฉกเช่นสราวุธที่ในอดีตเค้าเองก็เป็นคนหนึ่งที่เข้าร่วมการทดลองตามรายทางสมมติฐานของ “วินทร์ เลียววารินทร์” ผู้สร้างแรงบัลดาลใจในการเขียนเชิงทดลองแก่เขา

“นวนิยายไม่มีมือ” เป็นตัวอย่างหนึ่งการทดลอง เสน่ห์อยู่ที่เส้นเบลอๆ ระหว่างความจริงกับจินตนาการ จึงเรียกว่า “นวนิยายจริงตนาการ”…แม้แต่ “ปราบดา หยุ่น” ก็จนปัญญาที่จะฟันธงว่ามันคืองานเขียนประเภทไหน

ถ้าเปรียบเป็นงานโฆษณาก็เรียกได้ว่างานของนิ้วกลมเข้าเป้าทั้ง Creative & Sale นิ้วกลมสนุกกับการตั้งชื่อหนังสือที่มีชื่ออวัยวะตั้งแต่โตเกียวไม่มีขา กัมพูชาพริบตาเดียว เนปาลประมาณสะดือ สมองไหวในฮ่องกง “ตอนแรกไม่ตั้งใจ แต่ต่อมาคิดว่ามันเป็นการ Branding ที่ดีเหมือนกัน”

ถ้าโลกนี้ไม่มีหนังสือเป็นรูปเล่มอีกต่อไป? “ผมว่ามันจะสนุก น่าจะเป็นลักษณะของ Mixed Media มากขึ้น คนอาจจะสมาธิสั้นลง หรือคิดอะไรได้เยอะขึ้นก็ได้ ผมยังอยากเกิดทันวันนั้นเลย” นิ้วกลางบาลานซ์ตารางชีวิตใหม่ จนสราวุธมีเวลาอ่าน (ทุกวัน) + เขียน (เกือบทุกวัน) “โอ้โหมันเป็นชีวิตที่สมดุลมาก กลางวันเขียนในสิ่งที่ถูกจ้างให้คิด กลางคืนเขียนในสิ่งที่อยากถ่ายทอดเพื่อรับใช้ตัวเอง”

นิ้วก้อยกลมกลมเองก็ได้มีโอกาสสร้าง+สานปฏิสัมพันธ์มากขึ้น เรื่องราวระหว่างการเดินทางทำให้ทุกคนโตขึ้น…การไต่ระดับความสูง ทำให้นึกถึงครอบครัวและคนที่อยู่ข้างๆ ความเหงาทำให้ได้เข้าใจว่าคนที่คุยด้วยทุกวันในระหว่างทางชีวิตนั้นสำคัญเพียงใด ดังนั้นสิ่งที่เขาไม่ยอมพลาดจึงไม่ใช่ พิพิธภัณฑ์ โบสถ์ ตลาด หากแต่คือ “โอกาสที่จะได้พูดคุยกับผู้คน” นิ้วก้อยฯ ของเพื่อนชาวสิงคโปร์เป็นคนชวนสราวุธไปรับงาน Adidas แคมเปญ Olympicsที่เซี่ยงไฮ้ เป็นงานหนักที่ท้าทายด้วยงบ Media 2,500 ล้านบาท งบ TVC 240 ล้านบาท (= ได้ TVC ไทย 240 เรื่อง)

กับวัฒนธรรมการอ่าน คนไทยอ่านและบันทึกข้อมูลน้อยมาก ต่างจากญี่ปุ่น อังกฤษ และฝรั่งเศส สราวุธเห็นว่า… “ฉลาด” อาจไม่ใช่สิ่งที่เด็กอยากได้ เราควรรู้จักตามใจสิ่งที่พวกเขาต้องการ เช่น อ่านแล้วจีบหญิงติด เพื่อนำไปสู่การเริ่มต้นการอ่าน แล้วหนังสือเล่มแรกนี้จะพาเค้าไปหาหนังสือเล่มอื่นๆ เอง

ในอนาคตเขาอยากทำหนัง… 1.หนังที่เน้นวิธีการนำเสนอ เนื้อหาไม่เข้มข้นแต่ต้องจดจำไปอีกนาน 2.หนังโรแมนติก 3.หนังที่สร้างแรงบันดาลใจเหมือนสารคดีท่องเที่ยวของเขา ส่วนงานเพลง หลังห้านิ้วชิมลางกับบรรทัดห้าเส้นของแสตมป์-7th sceneในเพลง “ทฤษฎีสีชมพู” แล้ว นิ้วนางช่างฝันได้บอกเราว่ามันกลายเป็นอีกหนึ่งงานที่เขามีความสุขที่จะทำไปเสียแล้ว

สรุปผลการทดลอง ในฟังก์ชันแห่งการเดินทางด้วยมัดกล้ามเนื้อ นิ้วกลมกลมทั้งห้ามีหน้าที่ช่วยพยุงตัวเมื่อสองขาเริ่มล้า และประคองมิตรภาพที่เกิดขึ้นไม่ให้หลุดมือ …ทว่าในฟังก์ชันแห่งการเดินทางด้วยความคิดและจินตนาการ หลังจากได้รับ-เรียน-รู้ นิ้วกลมกลมทั้งห้ามีหน้าที่เข้ารหัสผ่านปุ่มบนแป้นพิมพ์ ทั้งเพื่อถ่ายทอดและทดเรื่องราวแห่งความทรงจำไว้ในใจผู้อ่านให้ยาวนานที่สุด

– จบการทดลอง –

(ไม่สิ…อันที่จริงนิ้วกลมไม่สนับสนุนการ “ทิ้งทวนแบบจืดๆ”……………………………………..)

Profile
Name : สราวุธ เฮงสวัสดิ์
Age : 30 ปี
Education : รร.เซนต์จอห์น, รร.บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี), คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ
Career Highlights : Leo Burnett , JWT , DayPoets
Current Interest: หนังสือเกี่ยวกับความสุขและวิวัฒนาการมนุษย์ เช่น “The Conquest of Happiness” และสารคดีชีวิตสัตว์