ช่อง 3 คืนชีพ! เรตติ้ง ละครเฉือนชนะช่อง 7 เบ็ดเสร็จทั้งวัน

นาทีนี้ ถือเป็นขาขึ้นของช่อง 3 เมื่อ”ละคร” กำลังสร้างชีวิตชีวาให้กลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อได้ ”บุพเพสันนิวาส” สร้างกระแสปัง และเรตติ้งพุ่งสุดแบบฉุดไม่อยู่  เรทติ้งล่าสุด ตอน 6 เรตติ้งทั่วประเทศสูงถึง  12.645 

หลังจากที่ก่อนหน้านี้  “ละคร” ของช่อง 3 กำลังอยู่ในช่วงขาลง เรตติ้งละครหลังข่าวตกต่ำขนาดหนัก ถึงขั้นแพ้ทั้งเวิร์คพอยท์, โมโน, ช่อง 8 และช่องวันมาหมดแล้ว

ปรากฏการณ์ของ ”บุพเพสันนิวาส” จึงเป็นเสมือนแสงสว่างที่ช่วยให้ช่อง 3 ยืดอกได้อีกครั้ง โดยเฉพาะจากยอดขายช่วงเวลาละคร “บุพเพสันนิวาส”ที่เคยขายโฆษณาล่วงหน้า ได้เพียง 70% ก็กลับกลายมาเต็มเอียดทุกเบรกทุกตอน ส่วนละครในช่วงเดียวกันเรื่องอื่นๆ ก็ทำเรตติ้งขึ้นมาได้อย่างน่าพอใจ ทั้ง ”เงินปากผี” ในวันจันทร์-อังคาร และ ”ชั่วโมงต้องมนต์” ในวันหยุด

ไม่เพียงแค่ช่วงละครหลังข่าวเท่านั้น สถานการณ์ตอนนี้ละครในช่วงเวลากลางวัน และเย็นของ ช่อง3 ก็เอาชนะช่อง 7 เกือบทุกช่วง

ละครเย็น แซงช่อง 7 ครั้งแรก 

ช่วงเวลาละครเย็น ถือว่าเป็น ฐานที่มั่นของช่อง 7 มาอย่างยาวนาน มีเพลี่ยงพล้ำช่อง 3  ไปบ้างก็เมื่อเจอกับละคร”นาคี” ที่ช่อง 3 จัดไปลงสร้างเรตติ้งในช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว แต่หลังจากนั้น ละครเย็นช่อง 7 ก็ไม่เคยแพ้ช่องใดๆเลย แถมบางช่วงยังสร้างเรตติ้งสูงสุดของช่อง มากกว่าละครช่วงหลังข่าวของช่อง 7 เองด้วยซ้ำไป

แต่เรตติ้งละครเย็นของวันที่ 8 มีนาคม ปรากฏว่า ละคร”คุณแม่สวมรอย”ของช่อง 3 ได้เรตติ้ง 5.038 แซงหน้าละคร ”เขยผู้ใหญ่ สะใภ้กำนัน” ที่ได้ไป 4.781  เป็นการมีชัยชนะเหนือช่อง 7 เป็นครั้งแรก

“คุณแม่สวมรอย” เป็นละครสมัยใหม่แนวโรแมนติค คอมเมดี้ ที่เดินเรื่องแบบรวดเร็ว ด้วยบทที่กระชับ สร้างปมเงื่อนให้ข้อสงสัยคนที่เกี่ยวข้อง ให้ช่วยตามหาใครคือมือมืดที่อยู่เบื้องหลัง พร้อมสอดแทรกความตลกจากบทของนักแสดงประกอบ ที่สร้างเรตติ้งได้เหนือความคาดหมาย และมาในช่วงจังหวะพอดีที่ช่อง 7 ส่งละครใหม่เข้ามา

“เขยผู้ใหญ่ สะใภ้กำนัน” ละครแนวโรแมนติค คอมเมดี้ ที่เป็นแบบฉบับของแนวละครช่อง 7 ให้ความเป็นชาวบ้าน และชนบท เจาะฐานคนดูของช่อง 7 ตรงๆ แต่ดูเหมือนยังไม่แรงพอ จึงโดนช่อง 3 แซงหน้าจนได้

ละครรีรีนบ่าย ช่อง 3  ยังกินยาว

ส่วนละครรีรันช่วงบ่าย ทั้งช่อง 3  และช่อง 7 สู้กันมาโดยตลอด ช่อง 3 กินยาวเป็นแชมป็เรตติ้งช่วงนี้มายาวนาน แต่ล่าสุดช่อง 7 ส่งละครของ ”ตัวแม่” “อั้ม พัชราภา” ในเรื่อง “เพลิงพระนาง” ที่สร้างเรตติ้งสูงสุดของช่องในปีที่แล้วมาลงจอเมื่อต้นเดือนมีนาคม เพื่อสู้กับช่อง 3  แต่ดูเหมือนว่ายังไม่ได้ผล เมื่อแชมป์เรตติ้งช่วงนี้ยังเป็นของ”ใต้เงาจันทร์”ของช่อง 3 โดยล่าสุดเรตติ้งวันที่ 8 มีนาคม “ใต้เงาจันทร์” ได้เรตติ้ง 2.173  ในขณะที่”เพลิงพระนาง” ได้ไปเพียง 0.783

แหล่งข่าวในวงการทีวีบอกว่า คนดูละครบ่ายส่วนใหญ่คือแม่บ้าน ร้านค้า ที่มีเวลาส่วนใหญ่อยู่บ้านทั้งวัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯ ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของผู้ชมช่อง 3 มากกว่าช่อง 7 ที่เป็นฐานของคนต่างจังหวัดที่ยังอยู่ในช่วงเวลาทำงาน ช่วงนี้จึงตกเป็นตลาดของช่อง 3 ทั้งหมด

เปิดกลยุทธ์เด็ด ดึงคนตรึงช่อง เฝ้าละคร ลากเบรกยาว

นอกเหนือจากละครที่โดนใจยกชุดในช่วงนี้แล้ว การออกอากาศในช่วงเบรกแรกให้ยาวกว่าปรกติก็เป็นอีกกลุยทธ์ที่ช่องทีวีนำมาใช้กับละครหรือรายการที่เรทติ้งดี

อย่างกรณีของ ”บุพเพสันนิวาส” ช่วงแรกของละครจะกินเวลานานมากกว่าจะโฆษณา อย่าง ตอนล่าสุด เบรกแรกกินเวลาถึง 25  นาที จากนั้นช่วงเวลาออกอากาศลดลง เพื่ออัดโฆษณาเต็มที่ จนเบรกที่ 9 เบรกสุดท้าย ลดเวลาเหลือเพียง 6 นาที

ในแง่เรตติ้งก็เห็นผลชัดเจน โดยเรตติ้งของคืนวันที่ 8 มี.ค. ช่องที่ได้รับผลกระทบจาก”บุพเพสันนิวาส”มากที่สุดคือ เวิร์คพอยท์ และช่องวัน ที่เจาะกลุ่มผู้ชมฐานเดียวกันตรงๆ

The Mask Singer ซีซัน 4  หรือ หน้ากากนักร้อง ได้เรตติ้งไปเพียง 1.609 ลดต่ำลงกว่าสัปดาห์ที่แล้วที่ได้เรตติ้ง 1.888 ในขณะที่ “ดาวจรัสฟ้า” ละครเพลง เรื่องใหม่ของช่องวัน ได้เรตติ้งไปเพียง 1.748  เท่านั้น

เป็นกลยุทธ์ที่ทุกช่องนำมาใช้ ในช่วงที่ละคร หรือรายการได้เรทติ้งดี จะยึดคนดูไว้ให้นานที่สุด เพราะช่องก็ได้เรตติ้ง และลูกค้าโฆษณาที่คนดูยิงยาวไม่เปลี่ยนช่อง แฮปปี้กันถ้วนหน้า

แผง ”ละคร” แน่น ดันเรตติ้งประจำวันช่อง 3 เหนือช่อง 7 

เรตติ้งเฉลี่ยของช่องรายวัน ช่อง 3  ชนะช่อง 7 สองวันติดกันในช่วงวันพุธที่ 7 มี.ค. และพฤหัสที่ 8 มี.ค. ซึ่งจะมีผลต่อเรตติ้งโดยรวมทั้งหมด

อย่างไรก็ตามละครเพียงช่วงเดียว ยังไม่สามารถการันตีว่า จะช่วยฟื้นสถานะการเงินโดยรวมทั้งหมดของช่องได้ ต้องดูกันยาวๆ อีกหลายๆเรื่องทั้งปี  ในเมื่อ ”ละคร” คือคอนเทนต์สำคัญ และเป็นจุดที่แข็งแรงที่สุดของช่อง 3 จะอยู่หรือจะไป คงต้องอยู่ที่ “ละคร” โดนๆแบบนี้จริงๆ

ถ้าโชคดี ปีนี้ช่อง 3 ก็อาจได้ฉลองวันเกิด 48 ปี ในเดือนมีนาคมนี้ได้อย่างมีความสุขมากขึ้น.