ลุยใหม่! “โพคารี่สเวท” ฮึดสู้ศึกตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ พึ่งพลัง “ก้อย รัชวิน” ควงคู่ “SWEAT16!” แจ้งเกิดแบรนด์

นับตั้งแต่เครื่องดื่มเกลือแร่เบอร์ จากประเทศญี่ปุ่นแบรนด์ “โพคารี่สเวท” เข้ามาทำตลาดเองเมื่อเดือนกรกฎาคม 2560 โดยบริษัท “โอซูก้า ฟาร์มาซูติคอล ประเทศญี่ปุ่น” จับมือกับเครือสหพัฒน์ ในการตั้งบริษัทร่วมทุน “โอซูก้า นิวทราซูติคอล (ประเทศไทย)” เป็นทัพหน้าในการทำตลาด และอาศัยพลังเครือข่ายการขายของสหพัฒน์กระจายสินค้าเจาะตลาดไปยังช่องทางจำหน่ายต่าง ๆ ทั่วประเทศ

แต่ดูเหมือนว่าแบรนด์ยังเผชิญอุปสรรค (Threats) หลายด้าน ตั้งแต่การรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ยังไม่กว้างขวาง การกระจายสินค้ายังไม่ครอบคลุมตลาด (Reach) เพราะปัจจุบันมีขายในร้านสะดวกซื้อ ห้างโมเดิร์นเทรด ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล หัวเมืองใหญ่ และเมืองท่องเที่ยวอย่าง ภูเก็ต เป็นต้น เพราะวาง Positioning สินค้าเป็น “พรีเมียม” ทำให้ “ราคาขาย” สูงกว่าคู่แข่งตัวเป้ง! ล้วนมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคที่หน้าเขลฟ์ทั้งสิ้น  

ในปี 2561 “โพคารี่สเวท” ฮึดสู้อีกครั้งด้วยการดึง “ก้อย รัชวิน” เป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อขยายการรับรู้แบรนด์ให้เพิ่มมากขึ้น และสนับสนุนให้คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพ ซึ่ง “ก้อย” เป็นสื่อกลางที่ช่วยทั้ง อย่างได้ เพราะนอกจากก้อยจะเป็นที่รู้จักในหมู่วัยรุ่น วัยทำงาน คนรักสุขภาพแล้ว ยังเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคทุกกลุ่มจากการ “วิ่ง” ในโครงการ “ก้าวคนละก้าว”

“ก้อย รัชวิน” พรีเซ็นเตอร์ และไอดอลเกิร์ลกรุ๊ป SWEAT16!

พรีเซ็นเตอร์ “ก้อย” คนเดียวอาจเอาไม่อยู่ แบรนด์จึงดึงไอดอลเกิร์ลกรุ๊ป “SWEAT16!” จากค่าย LOVEiS มาเป็นตัวแทนคนรักสุขภาพ ร่วมกิจกรรมชวนคนไทยออกกำลังกายไปยังสถานที่ต่าง ๆ ตั้งแต่ปีที่แล้วต่อเนื่องถึงปีนี้ และเป็นความบังเอิญที่ชื่อวงพ้องกับชื่อแบรนด์ จึงเชื่อว่าจะเป็นอีกเครื่องมือที่สร้างการรับรู้ได้เร็ว

“เราโดนถามเยอะ เป็นแบรนด์ญี่ปุ่นทำไมไม่ใช้พรีเซ็นเตอร์ญี่ปุ่นนำเสนอแบรนด์ แต่เรามองตัวเองเป็น Global Brand มีขายในหลายประเทศทั่วโลก จึงต้องการพรีเซ็นต์แบรนด์ให้ตรงกับตลาดแต่ละท้องถิ่น” ทาคายูกิ คูชิดะ ประธาน บริษัท โอซูก้า นิวทราซูติคอล (ประเทศไทย) จำกัด ให้เหตุผล

ปีนี้แบรนด์ยังให้น้ำหนักในการทำตลาดออนไลน์อย่างมาก ทั้งทำโฆษณาออนไลน์ แนวคิด “Lose to Live” การสูญเสียพลังงานระหว่างทาง แบรนด์พร้อมจะเติมความสดชื่นให้ผู้บริโภค มีการทำ Line Sticker นำคาแร็กเตอร์ของแบรนด์คือ “โพคารี่จัง” มี Line Official ของแบรนด์ เข้าถึงคนหมู่มาก เพราะคนไทยใช้ Line มากถึง 41 ล้านคน รวมถึงการร่วมมือกับ BTS ออกบัตรโดยสาร “โพคารี่จัง” เพื่อให้วัยทำงานกลุ่มหนึ่งเห็นและเกิดการย้ำเตือนแบรนด์ (Brand Reminding)

นอกจากนี้ ยังมีการปรับแพ็กเกจจิ้งใหม่สำหรับขนาด 250 มล. จากจุดขายขวด PET อ้วนกลม ทำให้ Slim จับถนัดเหมาะมือมากขึ้น และสอดคล้องการเป็นโปรดักต์สุขภาพ โดยขวด Slim ผลิตขายในไทยเป็นประเทศแรกของโลก และบริษัทยังวางแผนจะนำไปใช้กับอีก 20 ประเทศทั่วเอเชียด้วย

ทาคายูกิ คูชิดะ ประธาน บริษัท โอซูก้า นิวทราซูติคอล (ประเทศไทย) จำกัด

ทว่าโจทย์หินคือเรื่องของการกระจายสินค้าให้ทั่วถึง แม้มี “เครือสหพัฒน์” มาช่วย แต่ก็ยังไปไม่ทั่ว เพราะสิ่งสำคัญลำดับต้น ๆ คือต้องทำให้คนรู้จักแบรนด์และสินค้าแบบ Mass เสียก่อน และกระตุ้นให้เกิดความต้องการ (Demand) เพื่อป้อนสินค้าไปยังกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นในระยะแรกของการขายจึงโฟกัสไปที่หัวเมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยว และจังหวัดที่มีสภาพอากาศร้อนทำให้ผู้บริโภคเสียเหงื่อมาก ๆ เป็นหลัก

จากแผนดังกล่าว บริษัทหวังจะผลักดันแบรนด์ให้เติบโตอีก 100% มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 2% จากปี 2560 ข้อมูลจากนีลเส็นระบุ “โพคารี่สเวท” เกณฑ์ส่วนแบ่งตลาดได้ 1% หรือเติบโต 80% จากปี 2559 ส่วนเป้าหมายระยะยาวมองการมียอดขาย 50 ล้านขวด ภายในปี 2570 เพื่อจะตั้งโรงงานผลิตสินค้าในไทยต่อไป

ส่วนภาพรวมตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่มีมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท หดตัวลง 8.5% จากปี 2559 ขณะที่เบอร์ ยังเป็นสปอนเซอร์มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 80% ที่เหลือ 20% เป็นการแบ่งกันของแบรนด์รองทั้งหลาย เช่น เกเตอเรดของค่ายเป๊ปซี่, เอ็มเกลือแร่ของโอสถสภา และทิปโก้เวฟจากค่ายทิปโก้ เป็นต้น.