ในขณะที่คนไทยเห็นศูนย์กระจายพัสดุของแบรนด์เอกชนอย่าง Kerry มากขึ้น ชาวอเมริกันก็กำลังจะได้เห็นศูนย์ FedEx เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเจ้าพ่อค้าปลีกอย่าง Walmart ประกาศนำร้าน FedEx มาเปิดสาขาในร้านค้า Walmart จำนวน 500 แห่งทั่วประเทศ จุดประสงค์ของการดึงบริษัทขนส่งมาเปิดร้านในห้าง คือเพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถส่งของถึงกันได้ง่ายขึ้น คาดว่าความเคลื่อนไหวนี้จะทำให้ Walmart แข่งขันกับเจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon ได้ ซึ่งจะช่วยให้ Walmart มีที่ยืนในตลาดค้าปลีกได้มั่นคงกว่าเดิม
นี่อาจเป็นข่าวสะท้อนเทรนด์ค้าปลีกยุคหน้าของโลก โดยรายงานระบุว่า Walmart ตั้งใจนำร้าน FedEx เข้ามาเปิดที่ร้านสาขาของ Walmart เพื่อเป็นที่จัดพิมพ์ บรรจุ และจัดส่งสินค้า อำนวยความสะดวกให้กระบวนการส่งพัสดุสามารถทำเสร็จได้ที่ร้าน Walmart ในที่เดียว
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Walmart ประสบความสำเร็จในการทดสอบนำร่อง เพราะสามารถผลักดันให้ประชาชนคนอเมริกันเดินทางเข้าร้าน Walmart มากขึ้น และลดความท้าทายด้านโลจิสติกส์ของ Walmart ลงได้ชัดเจน เนื่องจากลูกค้านักช้อปสามารถใช้พื้นที่ของ FedEx เพื่อเปลี่ยนเส้นทางพัสดุ หรือดำเนินการคืนสินค้าตามนโยบายของร้านค้าปลีก
เห็นได้ชัดจากการทดสอบระหว่าง Walmart และ FedEx ใน 50 สาขาที่ North Carolina, South Carolina, Virginia, Arkansas, Texas และ Colorado พบว่าโครงการนำร่องเหล่านี้ประสบความสำเร็จงดงาม ทำให้พื้นที่สำนักงาน FedEx Office ขนาดเล็กจะถูกเปิดในสถานที่ของ Walmart 500 สาขาภายใน 2 ปี
ทั้งหมดนี้ Walmart ถูกมองว่าเป็นการดึง FedEx เข้ามาเพิ่มบริการเพื่อให้สามารถแข่งขันกับ Amazon ได้ดีขึ้น
Brian Philips ซีอีโอ FedEx Office ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่าความร่วมมือนี้เกิดขึ้นเพราะความลงตัวของ Walmart ทั้งด้านโครงสร้างและประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ที่ผ่านมา FedEx เป็นพันธมิตรที่ดีกับ Walmart ด้านการขนส่งอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นเหมาะสมที่จะต่อยอดในรูปแบบร้านค้าภายในร้านค้าหรือ store-within-a-store format
รายงานของ CNBC ชี้ว่าพื้นที่สำนักงาน FedEx Office ในร้าน Walmart จะช่วยให้ผู้ซื้อสามารถจัดส่งพัสดุได้ไม่เกิน 5 วันทำการซึ่งอาจเป็นประโยชน์สำหรับลูกค้าบางรายที่อาศัยไกลจากศูนย์รับส่งสินค้า รวมถึงกลุ่มที่กังวลภัยล่อลวง
ที่สำคัญ ทั้ง 2 บริษัทระบุว่าประสบความสำเร็จมากเรื่องการใช้สถานที่ภายใน Walmart เพื่อเก็บสินค้าคงคลัง จุดนี้ซีอีโอ FedEx ยกตัวอย่างบริษัทอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่อาจใช้ร้านค้าเป็นสถานที่จัดเก็บตลอดทั้งสัปดาห์ แทนการจัดเก็บกล่องไว้ในรถรอการส่งมอบ
นอกจากนี้ การทดสอบพบว่าลูกค้าหลายรายเดินช้อปปิ้งต่อใน Walmart หลังจากเข้าใช้บริการ FedEx แล้ว ดังนั้น การเปิด FedEx จึงเป็นการส่งเสริมให้มีผู้เข้าชมร้านค้ามากขึ้น
เบ็ดเสร็จแล้ว ร้านค้า FedEx จะมีขนาดราว 450 ถึง 750 ตารางฟุตและจะมีพนักงาน FedEx รวมประมาณ 2,000 คน
ความร่วมมือนี้ถือเป็นการขยายผล หลังจากที่ FedEx เป็นพันธมิตรกับ Walmart ในการจัดส่งสินค้ามาระยะหนึ่งแล้ว เป้าหมายของการต่อยอดครั้งนี้คือการลดความเครียดในการส่งมอบช่วง “ไมล์สุดท้าย” หรือ “last mile” ที่สินค้าจะถูกนำส่งถึงมือผู้บริโภค โดยแบรนด์ค้าปลีกทั้ง Amazon, Target และบริษัทอื่น ต่างก็กำลังมองหาวิธีที่จะเอาชนะใจลูกค้าให้มากขึ้น
ตัวอย่างเช่น Amazon ที่เริ่มวางตู้เก็บของรถกระบะไว้ที่ร้าน Whole Foods และห้างสรรพสินค้าใหย่ ขณะที่ Target เพิ่งเข้าซื้อกิจการ Grand Junction และ Shipt เพื่อสนับสนุนการจัดส่งสินค้าที่เร็วกว่าเดิม
จุดนี้ ซีอีโอ FedEx ยอมรับว่าผู้ค้าปลีกกำลังมองหาเครื่องมือที่จะทำให้ส่งสินค้าถึงลูกค้าได้ดีและเร็วที่สุด และทุกคนกำลังพยายามหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองให้บริการได้หลายช่องทางหรือ omnichannel ดังนั้นบริการขนส่งสินค้าอย่าง FedEx จึงเป็นคำตอบที่เหมาะสม
ที่สำคัญ พื้นที่ FedEx Office ภายในร้าน Walmart จะทำให้ผู้ซื้อสามารถส่งคืนสินค้าที่ไม่ต้องการได้เร็ว เนื่องจากพันธมิตร FedEx กับผู้ค้าปลีกรายอื่น ๆ สามารถอนุมัติการคืนเงินได้ทันที จากนั้น FedEx จะสามารถจัดส่งผลิตภัณฑ์กลับไปยังผู้จัดจำหน่ายเหล่านั้นได้แบบไร้รอยต่อ
นอกจากนี้ พื้นที่ FedEx ยังสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้อีคอมเมิร์ซได้มากขึ้นอีกด้วยการรวมการจัดส่งสินค้าเข้าเป็นครั้งเดียว ผ่านต้นทางและปลายทางที่ตั้งของสำนักงาน FedEx ซึ่งดีกว่าการส่งมอบสินค้าไปตามบ้านของลูกค้านับ 10 หลัง ซึ่งลูกค้าจะสามารถมารับสินค้าที่ FedEx สาขาที่สะดวกได้เลย
บทบาทของบริษัทขนส่งอย่าง FedEx ที่เพิ่มขึ้นในวงการค้าปลีกอเมริกัน อาจเป็นสัญญาณบอกว่า เทรนด์นี้กำลังจะเกิดขึ้นในพื้นที่อื่นทั่วโลกในช่วง 1-2 ปีนี้ก็ได้.
ที่มา
- cnbc.com/2018/03/20/walmart-to-bring-fedex-shops-into-500-of-its-us-stores.html
- fortune.com/2018/03/20/walmart-fedex-shipping-in-stores/