“สนามกอล์ฟ” สะพัดพันล้าน

กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจกอล์ฟที่เปลี่ยนไป ธุรกิจที่มีโอกาสมากขึ้น ทำให้สนามกอล์ฟกลายเป็นจุดดึงดูดคนรักกอล์ฟทั้งในและต่างชาติ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวของไทยตั้งแต่เชียงใหม่ ภูเก็ต และหัวหิน ขณะที่การเพิ่มจำนวนของคนเล่นกอล์ฟเป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น จึงกลายเป็นโอกาสทำให้เกิดธุรกิจ “ไนต์กอล์ฟ” ต่อยอดทำให้สนามกอล์ฟกลายเป็นบันเทิงครบวงจร ที่ดินเนอร์ ผับกลางสนาม ธุรกิจสนามกอล์ฟวันนี้จึงไม่เพียงเป็นแค่แหล่งเงินหมุน หรือเสริมบารมีให้เจ้าของเท่านั้น แต่โอกาสในการทำกำไรยังมีอยู่สูง

สนามกอล์ฟในประเทศไทยมีจำนวนรวมแล้วกว่า 200 แห่ง หากนับจำนวนของสนามไดรฟ์ด้วยรวมได้เกือบ 500 แห่ง เป็นทั้งของหน่วยงานราชการ นักธุรกิจ นักการเมือง และนักลงทุนต่างชาติ ตั้งแต่ระดับราคาค่าบริการครั้งละ 120 บาท จนถึง 5,000 บาทต่อรอบ

สำหรับสนามระดับ 5 ดาวขั้นต่ำต้อง 18 หลุม และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ตั้งแต่อาหารไทย จีน และยุโรป มีสิ่งอำนวยความสะดวก ซาวน่า อ่างน้ำวน สระว่ายน้ำ สนามซ้อม ส่วนใหญ่โดยเฉลี่ยใช้เงินลงทุนในหลักพันล้านบาท

สนามกอล์ฟหลายแห่งในเมืองไทยยังเป็นของนักการเมือง ถือเป็นสัญลักษณ์สร้างบารมีในวงการได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสนามกอล์ฟ “ซัมมิท วินด์ มิลล์ กอล์ฟ คลับ” ของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ (สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย) “สนามบูรพา กอล์ฟคลับ” และสนามไดรฟ์ย่านสนามบินน้ำ ของพลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี “อโยธยา ลิงค์” ของ “พิทักษ์ อินทรวิทยนันท์” อดีตนักการเมืองในยุคสมัยรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ

สนามกอล์ฟไทยที่ไหนก็มีไม่เหมือน

สนามกอล์ฟเมืองไทย ไม่เหมือนที่ไหนในโลก เพราะนักกอล์ฟสามารถเลือกออกรอบในสนามกอล์ฟที่โอบล้อมไปด้วยวิวธรรมชาติ สนามหญ้าสุดลูกหูลูกตา ทราย น้ำ และเนินกรีน ทิวทัศน์ที่ล้อมรอบด้วยเขา และบางแห่งได้กลิ่นอายของลมทะเล นี่คือเสน่ห์ของสนามกอล์ฟในเมืองไทยที่สามารถดึงนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศได้ กลายเป็นจุดขายให้กับแพ็กเกจทัวร์ท่องเที่ยว โรงแรม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากเกาหลีและญี่ปุ่นที่นิยมมาเมืองไทย เพราะการออกรอบสนามในเมืองไทยถูกกว่า เช่นที่ญี่ปุ่นออกรอบแต่ละครั้งอยู่ในราคาหลักหมื่นบาท แต่ในเมืองไทยไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต หัวหิน เชียงใหม่ ในหลักพันก็หรูได้เต็มที่

1. เชียงใหม่ กรีนวัลเล่ย์ คันทรีคลับ
ตั้งอยู่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทาง 30 นาทีจากตัวเมือง เป็นสนามที่มีน้ำล้อมรอบเยอะ มีหลุมทรายคอยท้าทาย และเป็นสนามที่ความยาวมากที่สุดแห่งหนึ่งในภาคเหนือ

2. สยาม คันทรี คลับ
ตั้งอยู่ในอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ใช้เวลาเดินทาง 20 นาทีจากหาดพัทยา เคยใช้เป็นการแข่งขัน Thailand Open ถึง 4 ครั้ง และครั้งล่าสุด ใช้เป็นสนาม Honda LPGA Thailand 2007

3. ภูเก็ต คันทรี คลับ
ตั้งอยู่อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 12 นาทีจากตัวเมืองภูเก็ต เป็นสนามกอล์ฟ 18 หลุมแห่งแรกในภูเก็ต เคยใช้เป็นสนามแข่งขัน LADIES KOSAIDO THAILAND OPEN 1992 และ THAI SENIOR PGA CHALLENGE

4. กอล์ฟไลฟ์ พริวิเลจ คันทรีคลับ
เป็นผลงานการออกแบบของนักกอล์ฟระดับโลก แจ็ค นิคลอส ห่างจากทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เพียง 3-4 กม. ใช้เวลาขับรถเพียง 1.5 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ

5. บางปู คันทรีคลับ
อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งอยู่ใกล้ทะเล อยู่ห่างจากกรุงเทพฯไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 40 กม. มีหลุมที่เห็นทะเลได้ชัดเจน

ลุคใหม่สนามไดรฟ์

รูปแบบหน้าตาของสนามไดรฟ์เปลี่ยนแปลงจากอดีตอย่างเห็นได้ชัด มีร้านขายอุปกรณ์ต่างๆ เข้ามา หรือเรียกว่า Proshop และโรงเรียนสอนกอล์ฟอยู่ในสนาม จนกระทั่งมีร้านอาหารจนกลายเป็นแหล่งนัดปะสังสรรค์ที่ทำให้บรรดานักกอล์ฟใช้เวลาในสนามกอล์ฟมากขึ้น

ส่วนใหญ่เจ้าของสนามจะเป็นนักกอล์ฟอยู่แล้ว นอกเหนือจากเปิดบริการให้บุคลธรรมดาแล้วยังมีบริการให้โรงเรียนสอนกอล์ฟเช่าเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือบางโรงเรียนเหมาเป็นเดือนกลายเป็นธุรกิจที่กำลังขยายตัว เป็นผลมาจากการความต้องการในกลุ่มเด็กและวัยทำงาน หรือกลุ่มที่เพิ่งหัดเล่นกอล์ฟที่มีเพิ่มมากขึ้น และมีกลุ่มนักธุรกิจที่เริ่มหันมาทำธุรกิจนี้มากขึ้น เพื่อรองรับกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น เช่น สนามไดรฟ์แถวรัชดาเป็นของนักธุรกิจก่อสร้าง ที่หันมาเอาดีด้านสนามไดรฟ์กอล์ฟ

“5 สนามไม่ไปไม่ได้”

“ตามรอยนักกอล์ฟระดับโลก” และ “การแข่งขันทัวร์นาเมนต์สำคัญๆ” กลายเป็นโปรแกรมที่การันตีให้ “สนามกอล์ฟ” อยู่ในขั้นมาตรฐาน และดึงให้สนามกอล์ฟนั้นๆ คึกคัก ซึ่งในแวดวง “ท่านนักกอล์ฟ” แล้ว 5 สนามในกรุงเทพฯ และชานเมืองของเมืองไทย และอีก 5 แห่งทั่วประเทศ ที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว ที่ไม่ไปไม่ได้ มีดังนี้

1. “อัลไพน์ แอนด์ สปอร์ตคลับ” เคยใช้เป็นสนามแข่งขัน ในกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 และเป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน “จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ คลาสสิก 2000”
2. “นวธานี” เคยจัด World Cup Tournament 1975
3. “ไทยคันทรี คลับ” ปี 1997 จัดแข่งขันเอเชี่ยน ฮอนด้า คลาสสิค ปี 1997 และไทเกอร์ วูดส์ ชนะในการแข่งขันครั้งนี้ ผู้เล่นกอล์ฟไฮเอนด์ต่างชื่นชอบ เพราะได้ชื่อว่าเป็นสนามสวยที่สุดในเอเชีย หญ้าที่ปูสนามมาจากฮาวาย
4. สโมสรราชพฤกษ์ ยังไม่เคยจัดการแข่งขันระดับโลก แต่ได้ชื่อว่าไฮเอนด์ด้วยระบบสมาชิก และมีนักธุรกิจผู้บริหารระดับสูงเป็นลูกค้าหลัก จึงเป็นเสน่ห์ให้นักเล่นกอล์ฟอยากมีโอกาสเข้าไปเล่น
5. “อมตะ สปริง คันทรี คลับ” ชลบุรี ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสนามที่ท้าทาย มีการแข่งขันที่สำคัญ มีทีมยุโรปนำโดย เซอฟีริอาโน่ เบลเลสเตียโรส สามารถเฉือนเอาชนะทีมเอเชียที่นำทีมโดย แมสซี่ย์ คุราโมโตะ ไปด้วยคะแนนเพียง 9-7 มียอดผู้เข้าชมกว่า 10,000 คน ในวันสุดท้ายของการแข่งขัน