เฟซบุ๊ก (Facebook) เครือข่ายสังคมเบอร์ 1 ของโลก กำลังเร่งกำจัดจุดอ่อนของตัวเองเพื่ออุดช่องโหว่ป้องกันข้อมูลผู้ใช้รั่วไหล ล่าสุดประกาศ “ปิด” บริการ “พาร์ตเนอร์แคทิกอรีส์” (Partner Categories) ที่ให้บริษัทอื่นที่เป็นพันธมิตร ผสมข้อมูลออฟไลน์เข้ากับข้อมูลผู้ใช้ Facebook เพื่อนำไปทำกิจกรรมทางการตลาด โดยเฉพาะการกำหนดกลุ่มเป้าหมายโฆษณา
Facebook ยังปรับใหม่หน้า “ตั้งค่า” หรือ Setting ของตัวเองเพื่อให้ผู้ใช้สามารถกำหนดความเป็นส่วนตัวได้ง่ายขึ้น ท่ามกลางรายงานข่าวของสื่อสหรัฐฯ ที่มองว่า Facebook ได้ปรับให้ผู้ใช้ลบทิ้งบัญชีของตัวเองได้ง่ายขึ้นด้วย
*** หน้าใหม่ง่ายกว่าเดิม
โจทย์ใหญ่ของ Facebook ที่ต้องเผชิญในเวลานี้ คือ การถูกเพ่งเล็งอย่างหนักในเรื่องข้อมูลผู้ใช้รั่วไหล ล่าสุด Facebook ประกาศปรับปรุงหน้าการตั้งค่าผู้ใช้งาน 4 ด้าน เพื่อแก้ปัญหาผู้ใช้บางส่วนสับสน หาทางเข้าไปตั้งค่าความเป็นส่วนตัวไม่พบหรือพบได้ยาก
การปรับปรุง 4 ด้านของ Facebook ประกอบด้วย การยุบรวมเมนูการตั้งค่า Settings ทั้งหมดให้ค้นหาได้จากหน้าเดียว, การเพิ่มเมนูทางลัดให้ผู้ใช้ค้นหาและจัดการง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มเมนูใหม่ให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลของตัวเอง (Access Your Information) ซึ่งผู้ใช้สามารถค้นหา จัดการ ดาวน์โหลด และลบ ข้อมูลที่เคยแชร์ใน Facebook ได้
นอกเหนือจากการเพิ่มเมนูใหม่และการแสดงผลให้ดูเข้าใจง่ายขึ้น การปรับปรุงที่ 4 คือคือเนื้อหาข้อตกลงในการใช้งาน ซึ่ง Facebook เพิ่มรายละเอียดมากขึ้น ด้วยการระบุว่าเก็บข้อมูลใดบ้าง และนำไปใช้งานอย่างไร ทั้งหมดนี้ ผู้ใช้ Facebook ทั่วโลกจะได้สัมผัสในเดือนหน้า
*** ไฟแดงหยุดพันธมิตร
ไม่เพียงปรับใหม่หน้า Setting เจ้าพ่อ Facebook ยังประกาศ “ปิด” บริการ Partner Categories ซึ่ง Facebook เคยอนุญาตให้บริษัทอื่นผู้รวบรวมข้อมูล หรือ third-party ผสมข้อมูลออฟไลน์ของผู้ใช้เพื่อนำไปใช้ในการกำหนดเป้าหมายโฆษณา (ad targeting) ถือเป็นอีกความเคลื่อนไหวท่ามกลางปัญหาเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวข้อมูลส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรีโค้ด (Recode) ชี้ว่า Partner Categories ไม่ใช่ช่องโหว่ที่ Cambridge Analytica ใช้เพื่อเข้าถึงบัญชีส่วนตัว Facebook ได้ถึง 50 ล้านบัญชี เนื่องจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าข้อมูลที่รั่วไหลไปนั้นเป็นไปโดยละเมิดข้อกำหนดในการให้บริการของ Facebook และโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ใช้ แต่ที่ผ่านมา Partner Categories จะทำให้บริษัทอื่นสามารถรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเสริมให้การทำแคมเปญบน Facebook สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้แคมเปญได้ดียิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น Partner Categories ช่วยให้บริษัทเช่น Pepsi สามารถโฆษณาบน Facebook ได้โดยใช้ข้อมูลจากโปรไฟล์ Facebook ร่วมกับข้อมูลที่แบรนด์มีอยู่เอง เช่น อีเมล และข้อมูลที่ซื้อจากบริษัท third-party อื่น ๆ เช่น Experian ซึ่งรวบรวมข้อมูลประวัติการซื้อและข้อมูลที่มีประโยชน์อื่น
เพื่อป้องกันภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น Facebook กำลังใช้มาตรการที่สามารถป้องกันตัวเองได้ในขณะนี้เพื่อป้องกันไม่มีช่องละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลได้อีก อย่างน้อยก็เพื่อป้องกันไม่ให้ซ้ำรอยกรณี Cambridge Analytica
เบื้องต้น Facebook แถลงว่าการปิดบริการ Partner Categories จะทำให้โฆษณาจากบริการนี้ทยอยลดลงในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะช่วยยกระดับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ Facebook ได้อีกทาง.
ที่มา : mgronline.com/cyberbiz/detail/9610000031256