อย่างที่รู้กันว่า ช่วงเวลาไพรม์ไทม์สร้างรายได้ของช่องทีวีจะอยู่ที่ “ละครหลังข่าว” โดยมีคู่แข่ง ช่อง 7 และช่อง 3 ยึดหัวหาดครองเรตติ้งมาตลอด
แต่หลังจากทีวีดิจิทัลถือกำเนิดการแข่งขันก็ยิ่งเข้มข้นยิ่งขึ้นจากผู้เล่นรายใหม่ๆที่หวังเข้ามาขอแชร์เค้กโฆษณาซึ่งช่อง 7 ก็ยังรักษาแชมป์มาได้ตลอด
จนมาเพลี่ยงพล้ำให้กับช่อง 3 ก็เมื่อละครบุพเพสันนิวาสออนแอรด์สร้างกระแสความปังไปทั่วเมืองไทย
ล่าสุดช่อง 7 ได้ออกมาประกาศเปิดตัวผังรายการล่าสุด ที่มุ่งเน้นจับกลุ่มคนนอนดึกเป็นหลัก โดยตั้งแต่เวลา 23.10 น จะนำรายการ 7 สไตล์มานำเสนอ มีทั้งซีรีส์ ภาพยนตร์ ไทยและต่างประเทศทุกวันจันทร์–อาทิตย์
วันจันทร์ เวลา 23.10 น. เป็นภาพยนตร์แนวดราม่าจากช่อง jTBC ของเกาหลี
คืนวันอังคาร จบละครดังหลังข่าวต่อด้วย ”รายการกิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงาเสียง” ผู้นำเสิร์ฟความสนุกฮาก่อนนอนกับรายการวาไรตี้อันดับหนึ่ง โดย 2 พิธีกรคนเดิม “เกียรติ กิจเจริญ” และ “สัญญา คุณากร” เริ่มเวลา 22.40 น.
ทุกวันพุธ เป็นรายการ สปอตไลท์ ออน ทีวี (SPOTLIGHT On TV) นอกจาก 2 พิธีกรวัยรุ่น“เกรท–สพล, ไต้ฝุ่น–ตากเพชร ได้เพิ่มพิธีกรคนใหม่ล่าสุด ซูกัส–บัณฑวิช” เป็นการนำเสนอเรื่องราวของดาราและนักแสดงรุ่นใหม่มาทำความรู้จักให้มากขึ้น ผ่านกิจกรรมต่างๆ ทุกวันพุธเวลา 23.10 น.
ส่วนวันพฤหัสบดี เวลา 23.10 น. พบกับ “รายการเรื่องจริงผ่านจอ” มี 3 พิธีกร ฐาปกรณ์ ดิษยนันท์, สุรวุฑ ไหมกัน และหมอเจี๊ยบ–ลลนา ก้องธรนินทร์ ยังคงเน้นเหตุการณ์เตือนภัยต่อเนื่อง
จากนั้นทุกวันศุกร์ นำเสนอรายการสดๆ บทไม่มี On TV เป็นรายการข่าวบันเทิง ค้นความลับ จับตัวตนที่น่ารักของคนในวงการ นำเสนอแบบกึ่งเรียลลิตี้ ถ่ายทำกันสด ๆ แบบ un cut และไม่มีบทให้รู้ตัวมาก่อน ออกอากาศ วลา 23.10 น.
ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ทุกเสาร์–อาทิตย์ เวลา 22.30 น. วันเสาร์ยังคงเป็น “บิ๊กซีนีมา BIG CINEMA” นำเสนอภาพยนตร์ต่างประเทศ
ส่วนวันอาทิตย์ ช่อง 7 ตัดสินใจ นำภาพยนตร์ไทย มาแทนที่รายการ “ที่นี่หมอชิต” ซึ่งเป็นรายการที่อยู่คู่กับช่อง 7 มาถึง 14 ปีโดยในเดือนเมษายนจะเริ่มต้นด้วยภาพยนตร์สยองขวัญตลอดทั้งเดือน
เป็นการปรับผังเพื่อสร้างโอกาสในการทำรายได้ให้กับช่อง 7 นอกเหนือจากช่วงละครหลังข่าวที่เป็นรายไดหลักให้กับช่อง 7 มาอย่างยาวนาน.