ซีรีส์ “เกาหลี” ที่ Netflix จะลงทุนกว่า 8.5 หมื่นล้าน ตั้งเป้าเพื่อตอบโจทย์ผู้ชม “ทั่วโลก” ไม่ใช่แค่เอเชีย

Netflix เกาหลี
Physical 100 รายการวาไรตี้เกาหลีใน Netflix
Netflix ประกาศมาก่อนหน้านี้ว่า ในอีก 4 ปีข้างหน้าจะมีการลงทุนซีรีส์-หนัง “เกาหลี” อีก 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 8.5 หมื่นล้านบาท โดยทั้งหมดจะเน้นการเจาะตลาดผู้ชม “ทั่วโลก” ไม่ใช่แค่ในเอเชียเท่านั้น จากผลสำเร็จของคอนเทนต์เกาหลีที่สามารถเข้าถึงใจผู้ชมทั่วโลกได้

Don Kang รองประธาน Netflix ด้านคอนเทนต์เกาหลี เปิดเผยกับ CNBC ว่า แผนการลงทุนคอนเทนต์เกาหลีอีก 2,500 ล้านเหรียญใน 4 ปีนั้น จะทำให้เกาหลีมีคอนเทนต์ประเภทที่ไม่ใช่เรื่องแต่ง (non-fiction) เช่น รายการวาไรตี้ เพิ่มเป็นเท่าตัว จากที่เคยมี 4 เรื่องในปี 2022 ปีนี้จะมี 8 เรื่อง

ในจำนวนนี้รวมถึงเรียลลิตี้โชว์ที่ออกฉายไปแล้วต้นปีนี้อย่าง “Physical 100” ที่รวบรวมผู้เข้าแข่งขันมาแข่งกันผ่านด่านที่ท้าทายต่อกำลังร่างกาย

“ผมคิดว่านั่นจะเป็นรายการวาไรตี้รายการแรกที่ได้คนดูในระดับโลก ทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้น” Kang กล่าว ปกติแล้วรายการวาไรตี้ของเกาหลีจะไม่ค่อยได้รับความนิยมนักนอกประเทศเกาหลีและกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก แต่ปรากฏว่า Physical 100 สำเร็จในการดึงคนดูนอกทวีป เป็นสัญญาณบวกในการกรุยทางต่อ

Physical 100 ขึ้นสู่อันดับ 1 รายการที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษที่ได้รับความนิยมมากที่สุดประจำสัปดาห์ เป็นเวลาสองสัปดาห์ต่อเนื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้รายการวาไรตี้เกาหลีที่มีคนดูระดับโลกก็เคยมีให้เห็นบ้างแล้วในปี 2022 เมื่อรายการเรียลลิตี้จับคู่เดตอย่าง Single’s Inferno ขึ้นมาอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลกเมื่อปีก่อน

 

คอนเทนต์ “เกาหลี” ไปสู่ระดับโลก

Kang กล่าวว่า ตนเคยทำงานด้านการจัดจำหน่ายคอนเทนต์เกาหลีในระดับโลกมาก่อนที่จะเข้าร่วมงานกับ Netflix ในปี 2018 เขามองว่า ก่อนหน้านี้คอนเทนต์เกาหลีที่ได้รับความนิยมจะเป็นประเภทโรแมนติกคอมเมดี้ และมักจะได้รับความนิยมในประเทศใกล้เคียงเท่านั้น เช่น ญี่ปุ่น ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะไกลกว่านี้ก็จะเริ่มมีความแตกต่างทางวัฒนธรรม

แต่ Netflix ลงทุนสูงกับการพากย์เสียงและใส่คำบรรยายที่ทำให้เข้ากับบริบทท้องถิ่นได้ดีขึ้น ทำให้ลดกำแพงภาษาลงได้และ “เปลี่ยนโลกให้แตกต่าง” เขากล่าว

squid game
Squid Game คอนเทนต์เกาหลีที่ได้รับความนิยมระดับโลก

“คุณไม่ควรปรามาสรสนิยมที่หลากหลายของผู้คนรอบโลก” Kang กล่าว และยกตัวอย่างถึง “Squid Game” ที่ Netflix เลือกเปลี่ยนชื่อเรื่องให้เหมาะกับสากลมากขึ้น

ในปีนี้คอนเทนต์ “เกาหลี” ของ Netflix ก็จะสร้างความแตกต่างหลากหลายให้มากกว่าแค่คอนเทนต์โรแมนติกด้วย โดยจะมีคอนเทนต์แนวดราม่า วันสิ้นโลก เสียดสีสังคม และแน่นอนว่าต้องมีรายการวาไรตี้

Kang มองว่า “เกาหลี” มีศักยภาพในการร้อยเรียงเรื่องราวที่สื่อสารวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองได้ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกที่เชื่อมต่อกับผู้ชมในระดับโลกได้เช่นกัน

“เมื่อคนเกาหลีชื่นชอบคอนเทนต์นั้นๆ มันก็มีโอกาสมาก มากๆ ทีเดียวที่คนทั่วโลกจะชื่นชอบเช่นเดียวกัน” Kang กล่าวปิดท้าย

Source