พีพีทีวี ดึง “พลากร สมสุวรรณ” อดีตบิ๊กช่อง 7 ร่วมทีม “สุรินทร์” อดีตมือการตลาดช่อง 3 หวังกู้เรตติ้งสู้ศึกทีวีดิจิทัล

พีพีทีวี เป็น 1 ใน 2 ช่องทีวีดิจิทัลของกลุ่มนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2560 มูลค่า 6.3 หมื่นล้านบาท เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารสูงสุด

ด้วยความเป็นช่องใหม่ มีความพร้อมเรื่องฐานทุน แต่ขาดประสบการณ์ ช่วงเริ่มต้นพีพีทีวีจึงดึงเอาผู้บริหารมืออาชีพ เขมทัตต์ พลเดช ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เป็นหัวเรือใหญ่จัดตั้งทีมงาน หลังจากใช้เวลา 3 ปีเต็ม เขมทัตต์ ก็โบกมือลา กลับไปช่อง 9 อสมท

ว่างเว้นอยู่ไม่นาน พีพีทีวีจึงไปดึง สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ อดีตรองกรรมการผู้จัดการช่อง 3 ที่ได้มานั่งเก้าอี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่พีพีทีวี ตั้งแต่ 1 กันยายนปีที่แล้ว ล่าสุดได้ อดีตผู้บริหารจาก 7 มาอยู่ร่วมทีม

พลากร สมสุวรรณ หรือ หน่อง อดีตกรรมการผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ได้เข้ามารับตำแหน่งใหม่ เป็น รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด เจ้าของช่องทีวีดิจิทัล พีพีทีวี มาร่วมเสริมทัพพีพีทีวี 

พลากร ถือเป็นลูกหม้อของช่อง 7 เริ่มทำงานในฐานะผู้ประกาศ และพิธีกรรายการ จนกระทั่งขยับมารับตำแหน่งผู้บริหารในช่อง รับผิดชอบงานด้านละคร ภาคบันเทิงเป็นหลัก ได้รับความไว้วางใจจากกฤตย์ รัตนรักษ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของช่อง 7 แต่งตั้งเป็น กรรมการผู้จัดการช่อง 7 เป็นตำแหน่งบริหารสูงสุด ตั้งแต่ปี 2556 จนกระทั่งออกจากตำแหน่งเมื่อสิ้นปี 2560 

พลากรเนื้อหอม หลายช่องรุมทาบ รวมทั้งช่อง

หลังจากที่พลากรออกจากช่อง 7 เมื่อต้นปี มีหลายช่องเข้ามาทาบทาม หนึ่งในนั้นคือ ช่องที่กำลังหาผู้บริหารเข้ามาแทนที่ สมประสงค์ บุญยะชัย อดีตประธานกรรมการบริหาร ที่ลาออกไปเหลือเพียงตำแหน่งบอร์ดเท่านั้น

ในที่สุดพลากรก็ตัดสินใจรับงานพีพีทีวี หลังจากได้รับการชักชวนจากสุรินทร์

พีพีทีวีเวลานี้ จึงมีอดีตผู้บริหารที่มาจาก 2 ช่องใหญ่ คนหนึ่งถนัดด้านคอนเทนต์ อีกคนด้านการตลาด มาจากช่องผู้นำตลาดฟรีทีวี เมื่อมารวมตัวกันในช่องใหม่ เงินทุนหนา จึงสร้างความคาดหวังจากเจ้าของเงินอย่างมากว่าจะช่วยผลักดันพีพีทีวีขึ้นมาให้ได้ตามเป้าหมาย

ยกแรกหลังปรับเป็น World Class TV 

เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สุรินทร์ นำทีมแถลงข่าวใหญ่ของช่อง จากเดิมที่เคยให้น้ำหนักกับกีฬาฟุตบอล แม้จะสร้างความแตกต่างได้ แต่ คนดูก็จำกัด จึงวางจุดยืนใหม่ให้เป็น World Class TV  เพิ่มคอนเทนต์ให้หลากหลายขึ้น ทั้งวาไรตี้ บันเทิง สารคดี โดยวางกลุ่มเป้าหมายหลักของผู้ชมคือกลุ่มคนเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชมพรีเมียม และกลุ่มผู้หญิงและเด็กให้เพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ชายอายุ 30-49 ปี โดยตั้งเป้าว่า จะขึ้นสู่ Top Ten ทีวีดิจิทัลภายในสิ้นปี 

จุดยืนเดิมเน้นฟุตบอล

การปรับใหม่รอบนี้ ได้รับไฟเขียวจากผู้ถือหุ้นอนุมัติเงินให้ลงทุนในการผลิตและซื้อคอนเทนต์ระดับโลกไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท 

ในบรรดาคอนเทนต์บันเทิงนั้น มีการประกาศว่า ซื้อลิขสิทธิ์ Entertainment Tonight รายการบันเทิงฮอลลีวู้ด เสริมด้วยหนังดังฮอลลีวู้ด จ้างผลิตรายการเกมโชว์ ซิทคอมลงช่วงไพรม์ไทม์ และยังมีรายการสารคดีจาก Discovery ลงจอในช่วงเช้าของทุกวัน ปรับเปลี่ยนช่วงเวลาข่าวออกจากไพรม์ไทม์ เพื่อเน้นบันเทิงมากขึ้น

ปรับใหม่ เรตติ้งยังไม่มา  

เมื่อตัวเลขเรตติ้งรายการที่ทำเรตติ้งสูงสุดของช่องพีพีทีวี ในวันที่ 2 เม..ที่ผ่านมา จะพบว่า รายการที่ทำเรตติ้งสูงสุดคือภาพยนตร์ต่างประเทศในช่วงไพรม์ไทม์ และรายการข่าว ที่ยังเป็นจุดแข็งของช่อง

ส่วนรายการที่ลงทุนสูงมากอย่าง Entertainment Tonight (ET) นั้น แม้ว่าจะลงช่วงไพรม์ไทม์ แต่เรตติ้งที่ได้ยังน้อยมาก โดยวันที่ 2 เม..ที่ผ่านมา อยู่ที่ 0.132 เท่านั้น 

จับมือกันตนา

ในขณะเดียวรายการสารคดีของ Discovery ที่จัดวางไว้ในช่วงเช้าของทุกวัน ก็ยังไม่โดน เพราะอยู่ในช่วงเวลาทำงาน มีรายการสารคดีในช่วงเย็น รายการโลกสารคดี ที่ได้เรตติ้งสูงกว่า โดยเมื่อวันที่ 2 เม.. เรตติ้งอยู่ที่ 0.195

ภาพรวมเรตติ้งของเฉลี่ยของช่องในปี 2560 อยู่ที่อันดับ 12 มีเรตติ้งอยู่ที่ 0.162 ตามหลังช่อง Now ของกลุ่มเนชั่น ซึ่งยังอยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนผู้ถือหุ้น ยุบทีมข่าว หันไปเน้นที่รายการสารคดีเป็นหลัก ทำเรตติ้งรวม 0.170 

ส่วนพีพีทีวี มองว่า เป็นโอกาสของพีพีทีวีที่น่าจะทำเรตติ้งแซงขึ้นมาอยู่ในอันดับ 11 ในเรตติ้งประจำเดือน ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนมีนาคม แม้อันดับเขยิบขึ้นแต่ตัวเลขเรตติ้งกลับลดลง มาอยู่ในระดับ 0.152- 0.154 เท่านั้น เพราะเจอการแข่งขันจากบรรดาช่องใหญ่อันดับต้นๆ ที่สู้กันอย่างดุเดือด

ประสบการณ์ยาวนานจากช่องการมาของพลากรจึงถูกคาดหมายว่าจะเข้ามาช่วยปรับแนวทางการนำเสนอคอนเทนต์ของช่องให้ถูกใจคนดูมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มแมส เพราะหากคอนเทนต์ไม่โดนโอกาสจะตีตื้นขึ้นมาย่อมเป็นไปได้ยาก

ส่วนสุรินทร์จะไปเน้นงานทางด้านการตลาดมากขึ้น ด้วยความหวังเต็มที่ว่าจะบรรลุเป้าหมายที่ commit ไว้กับผู้ถือหุ้นใหญ่ ต้องติดท็อปเท็นในเร็ววัน

ต้องรอดูว่า อดีตผู้บริหารบิ๊กทีวีของ 2 ช่องใหญ่จะมาช่วยกอบกู้สถานการณ์ของพีพีทีวีได้หรือไม่ เพราะเกมนี้ยังอีกยาว.