ใครกลัวแดด กลางวันไม่มีเวลา ต้องการมิกซ์แอนด์แมตช์ระหว่างสังสรรค์รับประทานอาหารค่ำ เครื่องดื่ม พร้อมกับออกกำลังพักผ่อนด้วยการตีกอล์ฟ “ไนต์กอล์ฟ” จึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนรุ่นใหม่ให้อวดวงสวิงในแวดวงนี้
สนามกอล์ฟระดับ 5 ดาวที่เปิดให้บริการไนต์กอล์ฟ มีไม่ต่ำกว่า 5 แห่งรอบๆ กรุงเทพฯ โดยทั่วไปเปิดตั้งแต่บ่าย 3 โมง รับก๊วนสุดท้ายประมาณ 1-2 ทุ่ม เพื่อปิดบริการได้ทันภายในเที่ยงคืน เพราะการตีกอล์ฟแต่ละครั้งต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4-5 ชั่วโมง
แม้ต้นทุน “ไนต์กอล์ฟ” จะสูงกว่าการตีกอล์ฟในเวลากลางวัน เพราะมีค่าไฟ และค่าจ้างพนักงาน แต่สนามก็คิดค่าบริการถูกกว่าโดยเฉลี่ยประมาณ 500-1,000 บาท รวมค่าแคดดี้ และค่าไฟ เช่น ที่สนามกอล์ฟปัญญารามอินทรา เมืองเอกวิสต้า กอล์ฟคอร์ส โดยเฉลี่ยเข้าไปเล่นกลางวันจะมีค่าใช้จ่ายต่อคนประมาณ 2,000-2,500 บาท แต่หากไปกอล์ฟไนต์ จะจ่ายเพียงประมาณ 1,200-2,000 บาท แบ่งเป็นค่าไฟ 220 บาท กรีนฟี 800 บาท ค่าแคดดี้ 230 บาท และจะยิ่งถูกมากขึ้น ถ้าไปใช้บริการสปอร์ตเดย์ หรือวันที่โดยปกติจะมีแขกไปตีกอล์ฟน้อย เช่น ทุกวันอังคาร รวมจ่ายแค่ 850 บาท หรือที่สนามกอล์ฟ ซัมมิท วินด์มิลล์ สปอร์ตเดย์ วันอังคาร 1,250 บาท รวมแคดดี้ 250 บาท จากปกติ 1,450 บาท
แต่สำหรับแขกที่ต้องการความบันเทิงมากกว่านั้น ก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งหมายถึงโอกาสของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ติดไปกับรถกอล์ฟ ตามติดทุกที่ที่ “นาย” ไป และอาหารตามจุดต่างๆ
สนามกอล์ฟที่เปิดให้บริการกลางคืน แม้จะมีเสียงร่ำลือมากมายว่าถึงบริการอื่นๆ ทั้ง “การพนัน และผู้หญิง” แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นกอล์ฟ “ไนต์กอล์ฟ” ถือเป็นโปรดักส์ที่ตอบสนองความต้องการของเทรนด์ธุรกิจกอล์ฟที่มาแรงในเวลานี้
โอกาสธุรกิจ “ไนต์กอล์ฟ”
กลุ่มเป้าหมาย
1. อายุ 20 ปีขึ้นไป
2. ผู้ชาย 70% ผู้หญิง 30%
3. ผู้ที่ไม่มีเวลาช่วงกลางวัน
กลยุทธ์การตลาด
1. ส่วนลดกรีนฟี
2. สิ่งอำนวยความสะดวกด้านอาหารและเครื่องดื่ม
3. ไฟสนามที่สว่างทุกทิศทางจะทำให้ผู้เล่นชื่นชอบมากขึ้น