ไม้กอล์ฟ…แต่งได้

วงสวิงดีขึ้น ตีไกล และแม่นยำขึ้น เป็นสิ่งที่นักกอล์ฟทุกคนปรารถนา เมื่อมีอุปกรณ์ที่สร้างความมั่นใจ ได้ทั้งพลัง และสีสัน เข้ากับแฟชั่น ทำให้ธุรกิจโมดิฟาย หรือปรับแต่งไม้กอล์ฟ เป็นอีกธุรกิจที่ต้องจับตา

ไม้กอล์ฟที่ติดมาจากโรงงาน ถูกผลิตออกมาเพื่อตอบสนองคนหมู่มากประมาณ 70% ส่วนที่เหลืออีก 30% คือช่องว่างทางการตลาด เป็นกลุ่มที่มีความต้องการนอกเหนือจากไม้ที่ติดมากับโรงงาน ทำให้เกิดธุรกิจโมดิฟายไม้ หรือปรับแต่งไม้กอล์ฟ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มนี้ แม้ยังมีไม่มาก แต่พร้อมที่จะจ่ายเงินในราคาที่สูงกว่าเดิม” ศุภวัชร เพชรประดับ เจ้าของร้าน Club Fit ที่รับโมดิฟายไม้กอล์ฟในสนามไดรฟ์ All Star บอกถึงโอกาสของธุรกิจในบ้านเรา

หากย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ธุรกิจโมดิฟายไม้กอล์ฟเริ่มต้นจากคนในวงการกอล์ฟมีไม่กี่คนที่ไปร่ำเรียนใน Workshop Fitting ในอเมริกา แล้วนำมาสู่การเปิดธุรกิจแห่งแรกที่สนามไดรฟ์กอล์ฟ ในย่านถนนศรีนครินทร์ จากหนึ่งร้าน ปัจจุบันเพิ่มเป็น 100 กว่าร้าน มีทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่เช่น พัทยา เชียงใหม่ และภูเก็ต ทำให้ธุรกิจการโมดิฟายไม้กอล์ฟขยายตัวมากขึ้น

นอกจากหลักสูตรที่มีการเรียนการสอนในเมืองนอก การสั่งสมประสบการณ์ ความชำนาญ และความมีหลักการของผู้ประกอบการเอง อีกทั้งในปัจจุบันสามารถศึกษาได้จากอินเทอร์เน็ต แชร์ความรู้กันได้มากขึ้น มีการเรียนการสอนในระดับมหาวิทยาลัย ทำให้เป็นธุรกิจนี้ขยายสาขาเพื่อรองรับกลุ่มคนที่สนใจการปรับแต่งไม้ได้มากขึ้น

“สิ่งที่สำคัญที่ทำให้การโมดิฟายไม้เป็นที่ยอมรับขยายเป็นวงกว้างมากขึ้น เพราะนักกอล์ฟเริ่มรู้มากขึ้นว่าถ้าหากเปลี่ยนไม้แล้วจะช่วยทำให้ตีได้ระยะดีขึ้น มีความแม่นยำ ควบคุมทิศทางได้ จากพลังของ Word of Mouthและกอล์ฟเป็นกีฬาที่ต้องใช้อารมณ์เพื่อเพิ่มความมั่นใจเป็นหลัก”

ทั้งนี้การเปลี่ยนไม้กอล์ฟขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าแต่ละคนเป็นหลัก แก้ปัญหาจุดเสียการตีของตัวเอง นอกจากการโมดิฟายไม้จะตอบสนองด้าน Functional แล้วยังมีการเพิ่ม Value ในเรื่องของสีสัน และแฟชั่นเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่

“กลุ่มวัยรุ่นที่มีมีอายุประมาณ 20-30 ปี เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักการเปลี่ยนไม้กอล์ฟ สนใจในกระแสแฟชั่น ได้รับอิทธิพลจากเพื่อนหรือได้เห็นโปที่เก่งใช้ในการแข่งขัน กลุ่มนี้จะมีการเปลี่ยนไม้ปีละ 1 ครั้ง ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มอายุ 30 ปีขึ้นไป จะยึดติดอยู่กับสภาพของไม้เป็นหลัก ที่ยังสามารถตอบสนองความต้องการของตัวเองได้ เช่น ยังตีได้ในระยะที่ตนพอใจ หรือสามารถควบคุมทิศทางการตีได้อยู่ ไม่ค่อยสนใจในแฟชั่น หรือกระแสที่กำลังมา ยึดตัวเองเป็นหลัก กลุ่มนี้จะมีการเปลี่ยนไม้ 5 ปีต่อหนึ่งครั้ง”

ศุภวัชร บอกว่า นักกอล์ฟไทยนิยมไม้ญี่ปุ่นมากกว่าของทางยุโรป เพราะสรีระคนไทยที่คล้ายกับคนญี่ปุ่น บวกกับดีไซน์ที่ทำให้มีสีสันและสวยงามมากยิ่งขึ้น แม้ราคาจะแพงกว่าอยู่ที่ 7, 000-10,000 บาท แต่ก็ใช้วัสดุที่พรีเมียม ทำให้เชื่อว่าจะช่วยให้ตีได้ไกลมากขึ้น

นอกเหนือจากแฟชั่นและสีสันที่ทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่หันมาเปลี่ยนไม้กันมากแล้ว เวลาที่รอคอยการโมดิฟายแต่ละครั้งก็สั้นลงเหลือเพียง 1 ชั่วโมงต่อหนึ่งไม้ จากเดิมอาจจะต้องรอนานเป็นวัน ทำให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ และกลายเป็นความนิยมที่นักกอล์ฟรุ่นใหม่หันมาสนใจไม้ที่โมดิฟาย เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการตีมากยิ่งขึ้น

ทำไมโมฯ ไม้ แล้วถึงโดน
– ตอบสนองการตีของแต่ละบุคคลได้ อีกทั้งยังแก้ปัญหาส่วนตัวเช่น การตีลูกโด่งเกินไป ควบคุมลูกไม่ได้ ก็สามารถแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการโมดิฟายไม้ได้
– สามารถเลือกไม้ที่เหมาะกับสรีระของตัวเอง ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการตีได้มากขึ้น
– มีสีสัน แฟชั่น สวยงาม สามารถดึงดูดความสนใจจากเพื่อนร่วมก๊วน ทำให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจมากขึ้น
– ระยะเวลาที่ใช้ในการโมดิฟายสั้นลงเหลือเพียง 1 ชั่วโมงต่อหนึ่งไม้จากเดิมรอเป็นวัน ด้วยความชำนาญของช่างและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น