พี่ใหญ่น้ำเมา ปล่อยหมัดแย็บรัวๆ สิงห์ ส่ง “KOPPER” แบรนด์คราฟต์เบียร์จากร้านเอสสามสาม ลงกระป๋องอีกแล้ว

ทิ้งช่วงเพียงเดือนเศษ ที่ “ภูริต ภิรมย์ภักดี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ประกาศแผนธุรกิจเบียร์ปีนี้ จะให้ความสำคัญกับ “คราฟต์เบียร์” และกลุ่มเบียร์ตลาดบน หรือ “พรีเมียม” มากขึ้น นอกจากเป็นการบนหนีตลาดเบียร์สแตนดาร์ดที่แข่งเดือด! เฉพาะ “ลีโอ” กับ “ช้าง” ฟาดฟันกันทุกหมัดการตลาด เพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาดให้ได้มากสุด เนื่องจากตลาดดังกล่าวมีขนาดใหญ่ สัดส่วนราว 94% อัตราการเติบโตอยู่ระหว่าง 5-6%

ส่วนคราฟต์เบียร์สัดส่วนตลาดไม่ถึง 1% มูลค่าหลักร้อยล้านบาท โตแรง 40-50% ส่วนเบียร์พรีเมียมเป็นตลาดเล็ก แต่ก็มีผู้เล่นหลักเพียงแบรนด์เดียว เป็น “โอกาส” เข้าไปท้ารบได้ รวมถึงแนวโน้มของผู้บริโภคที่ “ชนชั้นกลาง” ขยายตัว และมีกำลังซื้อมากขึ้น จึงเป็นใบเบิกทางสู่ตลาดคนกินเบียร์แพงได้ดี

ปลายปี 2560 ค่าย “สิงห์” ได้ส่งเบียร์พี่หมี “สโนวี่ ไวเซ่น บาย เอส สามสาม” (Snowy Weizen by EST.33) เบียร์ “พรีเมียม” น้องใหม่ในรอบหลายปี จากเดิมที่มีเพียง “สิงห์” ซึ่งอัพเลเวลจากตลาดสแตนดาร์ดไปอยู่พรีเมียม ระหว่างนั้นก็มีแบรนด์น้องใหม่ “DARK&HANDSOME BY EST.33” เบียร์ดำที่ออกมาจากห้องทดลองคือร้านอาหารและเครื่องดื่ม “เอส สามสาม” แต่ยังไม่ลงกระป๋อง

ล่าสุด สิงห์ ซุ่มส่ง “คราฟต์เบียร์” แบรนด์ใหม่เอี่ยม “KOPPER BY EST.33” ลงใส่กระป๋องเรียบร้อย

“KOPPER” ใหม่สำหรับผู้บริโภครายย่อยที่จะได้ซื้อกันในบรรจุภัณฑ์กระป๋องขนาด 490 มิลลิลิตร (มล.) แต่สำหรับคอทอแดง ไม่ใหม่ซะทีเดียว เพราะสิงห์ขาย KOPPER เบียร์มานานแล้ว ที่ร้านเอส สามสาม ซึ่งเป็นไมโครบริวเวอรี่ย่อมๆ ที่สิงห์ “เสิร์ฟ” สดๆ กันภายในร้าน

จุดเด่นของ KOPPER เบียร์ แน่นอนว่าด้านรสชาติที่โดดเด่นเฉพาะตัวสไตล์คราฟต์เบียร์ มาพร้อมบรรจุภัณฑ์สีทองแดง เรียกว่าทุกอย่างคงเอกลักษณ์ตั้งแต่ในร้านมาสู่ผู้บริโภคนั่นเอง ส่วนการทำตลาดเบียร์ สิงห์ใช้กลยุทธ์ที่คุ้นเคยเน้นผ่าน “ออนไลน์” โดยการให้ Influencer เพจดัง! โปรโมตเรียกแขก ก่อนเชิญให้ไปชมสายการผลิต และทดลองดื่มเพื่อรีวิวสินค้า อย่าง KOPPER ที่หลุดออกมา เพจ “สักวาตกค่ำ ร่ำสุรา” ซึ่งมีลูกเพจกว่า 6 แสนราย

ที่น่าสนใจคือการขาย เพราะเบียร์ใหม่ออกมาเมื่อไหร่ สิงห์จะเปิดทางให้ “เอเย่นต์” ได้สินค้าไปจำหน่ายก่อน จากนั้นจึงค่อยกระจายเข้าร้านสะดวกซื้อ

สำหรับการออกสินค้าใหม่ สิงห์หวังอย่างยิ่งยอดขายเบียร์จะเพิ่มเป็น 1,400 ล้านลิตร และมีส่วนแบ่งตลาดเป็น 65% เพื่อทิ้งห่างเบอร์ 2 ให้มากขึ้น ขณะที่ตลาดเบียร์ปี 2560 มีมูลค่า 2 แสนล้านบาท เติบโต 2%  

สงครามน้ำเมา! ไม่ได้มีแค่สิงห์ที่ลุกขึ้นมาออกสินค้าใหม่เป็นว่าเล่น เพราะช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา “กลุ่มไทยเบฟเวอเรจ” ได้ส่ง “TAPPER” เบียร์ที่ดีกรีสูง 6.5% เข้ามาบุกตลาด และขายราคา 53 บาท ผ่านร้านสะดวกซื้อ

TAPPER เป็นน้องใหม่ที่มาเสริมพอร์ตโฟลิโอเบียร์ไทยเบฟ จากเดิมมี “ช้าง” ขับเคี่ยวในตลาดสแตนดาร์ด และ “เฟดเดอร์บรอย” ทำตลาดพรีเมียม ซึ่งยังต้องออกแรงฮึดพอสมควรหลังเพิ่งกลับมาบุกตลาดได้เพียง 1 ปีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นในเกมน้ำเมาสีอำพันรอบนี้คือ ทั้ง “สิงห์” และ “ไทยเบฟ” ได้ฉีกการสร้างแบรนด์ออกจากสิงห์สาราสัตว์เรียบร้อยแล้ว.