ความสำเร็จของไทเกอร์ วูดส์ นอกจากจะทำให้วงการกอล์ฟเมืองไทยตื่นตัวขึ้นเป็นอย่างมากแล้ว ยังเป็นดั่งกระจกเงาที่ส่องสะท้อนวงการกอล์ฟของไทยได้เป็นอย่างดีทีเดียว
เส้นทางของไทเกอร์ วูดส์ เติบโตมาในเบ้าหลอมนักกีฬากอล์ฟของอเมริกันชนอย่างเป็นระบบ ไล่เรียงมาตั้งแต่ระดับเยาวชน มหาวิทยาลัย ไปจนถึงการเทิร์นโปร ซึ่งโปรวันปีย์ สัจจมาร์คจะมาฉายภาพระบบดังกล่าวในฐานะที่เคยผ่านระบบนั้นมาในช่วงหนึ่งของชีวิต
ขณะที่นักกอล์ฟอาชีพบ้านเราที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับไทเกอร์ วูดส์ อย่าง ธงชัย ใจดี กลับมีเส้นทางที่เติบโตมาจากเด็กเก็บลูกกอล์ฟ
ใช่ว่าฝรั่งจะไม่มีนักกอล์ฟที่เติบโตมาจากอาชีพแคดดี้หรือคนเก็บลูกกอล์ฟ แต่นั่นดูเหมือนจะเป็นอดีตที่ยากจะเบียดแทรกขึ้นมาสู้กับนักกอล์ฟที่เติบโตมาตามระบบการศึกษาเช่นในปัจจุบันได้อีกต่อไป
เมืองไทยก็เริ่มมีนักกอล์ฟรุ่นใหม่ที่ผ่านมาตามระบบการศึกษามากขึ้น อาทิ พรหม มีสวัสดิ์ และ พิพัฒพงศ์ แนวสุข แต่ระบบที่ว่าก็เป็นเหมือนจิ๊กซอว์ที่ยังไม่ปะติดปะต่อหรือเข้ารูปเข้ารอยเท่าไรนัก ทำให้นักกีฬากอล์ฟส่วนมากต้องวิ่งเข้าหาสปอนเซอร์ หรือไม่ก็ต้องมีพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีอันจะกินคอยสนับสนุน
เส้นทางการเติบโตของโปรกอล์ฟไทยในวันนี้จึงยังมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะลูกเศรษฐีผู้มีกำลังทรัพย์ย่อมสามารถเข้าถึงครูเก่งๆ ในระบบกอล์ฟสคูลและการออกรอบในสนามห้าดาวได้มากกว่าลูกยาจกอยู่วันยังค่ำ
แต่ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น มิเช่นนั้นคนอย่างธงชัย ใจดี ที่เติบโตมาจากดินคงไม่อาจทำลายสถิติของนักกอล์ฟไทยเป็นว่าเล่น จนสามารถกลับมาทำโครงการปั้นดินก้อนต่อไปให้เป็นดาวได้
การพัฒนาวงการกอล์ฟไทยแม้ยังต่างคนต่างทำ แต่ก็เริ่มมีโมเดลที่เป็นทางเลือกมากขึ้น ทำให้เด็กไทยสามารถใฝ่ฝันถึงการเป็นโปรในวงการกอล์ฟ ที่ไม่ได้มีแค่การแข่งขันล่ารางวัลกันอย่างเดียว แต่ยังมีเส้นทางในการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกีฬากอล์ฟอีกมากมาย ดังเช่นที่สำนักกอล์ฟรามคำแหงพยายามนำเสนอ
หากมองในแง่ดีวงการกอล์ฟไทยก็ยังมีความหวังและความฝันให้ใครต่อใครก้าวเดินไปในทางที่ตนถนัด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวันหนึ่งจิ๊กซอว์ในแวดวงการศึกษากอล์ฟทั้งหลายจะเชื่อมร้อยเป็นหนึ่งเดียวกันจนสามารถส่งคนไทยสักคนให้ก้าวเดินเข้าไปปักธงในฐานะมือหนึ่งของ US PGA Tour และมือหนึ่งของโลกได้อย่างสง่างาม
เอาแกงป่าปลาดุกไปให้เขาลองกินได้จริงๆ ไม่ใช่แค่ในโฆษณาทีวีที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่วันนั้นจะมาถึง