ซัมซุง เดินเกม User Experience แบบมหาชน จับมือเมเจอร์เปลี่ยนจอโปรเจคเตอร์ในโรงหนังเป็น LED ระดับ 4K

ต่อไปนี้ไม่ต้องถามกันแล้วนะว่า จอ LED ดีอย่างไร ชัดแค่ไหน อยากรู้ให้ไปหาประสบการณ์ตรงได้ที่โรงภาพยนตร์ “ซัมซุง ซีนีม่า แอลอีดี” (Samsung Cinema LED) ซึ่งเปิดให้บริการในไทยแล้วเป็นแห่งแรกที่โรงภาพยนตร์ที่ 6 ของพารากอนซีนีเพล็กซ์ ในเครือเมเจอร์ และเป็นโรงภาพยนตร์ที่เปลี่ยนจากจอโปรเจคเตอร์มาเป็นจอ LED โรงที่ 4 ของโลก

ทั้งที่ความจริงแล้วไทยเป็นแห่งที่ 2 ที่ซัมซุงลงทุนสร้างแต่เสร็จช้าไปหน่อย เลยได้เปิดตัวเป็นอันดับที่ 4 ต่อจากโรงภาพยนตร์ 2 แห่งในเกาหลีใต้ และอีกหนึ่งแห่งที่จีน

ซัมซุง ซีนีม่า แอลอีดี ถือเป็นบิ๊กโปรเจกต์ที่เป็นความร่วมมือใหญ่ครั้งแรกระหว่าง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กับบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ร่วมกันเปลี่ยนการฉายภาพยนตร์จากจอโปรเจคเตอร์มาเป็นจอแอลอีดีครั้งแรก

จอแอลอีดี ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ซัมซุงไฮไลต์มาตลอด โดยเฉพาะจอแอลอีดีที่มีความคมชัดระดับ 4K ซึ่งแทบจะกลายเป็นมาตรฐานความคมชัดของการแพร่ภาพและเครื่องรับในทีวีในยุคปัจจุบัน เพียงแต่จำกัดอยู่แค่จอทีวี

การนำจอแอลอีดีมาใช้กับโรงภาพยนตร์ครั้งนี้ ถือเป็นปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงของโรงภาพยนตร์ไทยในรอบ 120 ปี จากที่ฉายด้วยระบบจอโปรเจคเตอร์มาตลอด และแน่นอนต้นทุนของจอก็ต่างจากเดิม ซึ่งพันธมิตรทั้งสองรายไม่มีการเปิดเผยตัวเลขที่แน่นอน

แต่หากประเมินจากราคาของเทคโนโลยี คาดว่าระบบการฉายภาพยนตร์ด้วยจอแอลอีดี จะแพงกว่าระบบที่ฉายด้วยจอโปรเจคเตอร์แบบเดิมประมาณ 40-50 เท่า โดยเลเซอร์โปรเจคเตอร์ที่ใช้ฉายกันทั่วไปในปัจจุบันราคาเฉลี่ยประมาณ 1 ล้านบาท

เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่า โรงภาพยนตร์ซัมซุง ซีนีม่า แอลอีดี แห่งนี้ จะมีขนาดจอที่เล็กกว่าจอของโรงภาพยนตร์ปกติทั่วไป โดยมีขนาดจอ 10.3 เมตร หรือ 406 นิ้ว คร่าว ๆ ก็ใหญ่กว่าจอโทรทัศน์แอลอีดี 40 นิ้วที่นิยมกันตามบ้าน 10 เท่า

ดังนั้นในด้านความร่วมมือระหว่างซัมซุงกับเมเจอร์ในครั้งนี้ จึงมีมูลค่าโครงการใหญ่กว่าทุก ๆ ครั้งที่เคยร่วมเป็นพันธมิตรทางการตลาดกันมาด้วย โดยก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายเคยมีแคมเปญการตลาดร่วมกันมาแล้วในโครงการ การจ่ายค่าตั๋วในเครือเมเจอร์ผ่านแอปพลิเคชั่น Samsung Pay ซึ่งลูกค้าจะได้รับตั๋วฟรีเพิ่มอีก 1 ใบ เป็นการร่วมงานกันในการจัดโปรโมชั่นในลักษณะของบริษัทคู่ค้าเท่านั้น

สิ่งที่ซัมซุงคาดว่าจะได้รับจากการลงทุนเปลี่ยนจอภาพยนตร์ครั้งนี้ นอกจากเรื่องของการสร้างประสบการณ์ผู้บริโภคกลุ่มใหญ่กับผลิตภัณฑ์ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโปรดักต์ไฮไลต์ของซัมซุงแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ซัมซุงจะใช้โชว์พัฒนาการด้านผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นด้านภาพและเสียงไปพร้อมกัน ขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพันธมิตรอย่างเมเจอร์ในการตอบสนองความต้องการของผู้ชมภาพยนตร์ที่ให้ได้รับชมภาพยนตร์ด้วยเทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูงขึ้น ซึ่งเป็นการตอบโจทย์โปรดักต์และบริการของทั้งสองฝ่ายได้อย่างลงตัว

“การจับมือกันครั้งนี้ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมในประเทศไทยและทั่วโลกกับจอแอลอีดีที่ดีกว่าจอภาพยนตร์แบบเดิมในทุกๆ ด้าน ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ให้โรงภาพยนตร์เป็นได้มากกว่าโรงภาพยนตร์” บุญเลิษ วิบูลย์เกียรติ รองประธาน ธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าว

นอกจากนี้ ภายในโรงภาพยนตร์ยังเพิ่มลูกเล่นที่เป็นมากกว่าการฉายภาพยนตร์ อย่างเช่น การจัดอีเวนต์ต่างๆ เช่น การดูบอลสดร่วมกัน การไลฟ์ละครตอนจบ การติวหนังสือ แฟชั่นโชว์ หรือแม้กระทั่งการร้องเพลงด้วยการเชิญ ไอซ์ ศรัณยู มาร้องเพลงฮิตละครดังอย่างบุพเพสันนิวาสเพื่อโชว์ความคมชัดของจอ แสงสว่างของจอที่ไม่ต้องปิดไฟดูภาพยนตร์อีกต่อไป และระบบเครื่องเสียงจาก ฮาร์แมน อินเตอร์แนชั่นนัล (Harman International) และที่สำคัญมีระบบรักษาความปลอดภัยภายในจอเพื่อช่วยป้องกันการลักลอบฉายภาพยนตร์ละเมิดลิขสิทธิ์อีกด้วย

เรียกได้ว่าเป็นการตอกย้ำในหลายๆ ทาง ทั้งกับทางซัมซุงเองที่ได้โชว์ศักยภาพว่านอกจากการทำหน้าจอโทรศัพท์มือถือ หน้าจอโทรทัศน์แล้ว ยังสามารถทำไปถึงหน้าจอในโรงภาพยนตร์ได้อีกด้วย ส่วนทางเมเจอร์เองก็ได้ปฏิวัติการฉายภาพยนตร์โปรเจคเตอร์แบบเดิมๆ มาเป็นจอแอลอีดีเจ้าแรกในประเทศไทย ส่งผลไปถึงทางอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทยที่ได้รับผลของการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นด้วย และสุดท้ายทางผู้บริโภคแบบเราๆ เองก็ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ ในการจะได้ใช้บริการเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วย

แบรนดิ้งผ่านจอภาพยนตร์ ประสบการณ์ผ่านความบันเทิงได้ผลเสมอ

ทั้งนี้นอกจากจอภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ซัมซุง ซีนีม่า แอลอีดี แล้ว การใช้ภาพยนตร์เพื่อทำโคแบรนดิ้งระหว่างเมเจอร์กับแบรนด์ต่าง ๆ ก็เป็นกลยุทธ์การตลาดที่มีการทำมาอย่างต่อเนื่อง เพราะหลายแบรนด์ต่างเห็นตรงกันว่า ภาพยนตร์เป็นไลฟ์สไตล์หนึ่งที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังให้ความสนใจ ดังนั้นจึงโรงภาพยนตร์จึงกลายเป็นหนึ่งในทางเลือกที่แบรนด์ใช้เพื่อสร้างประสบการณ์และความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า

เหมือนเช่นที่โรงภายนตร์ของเมเจอร์ที่พารากอน มีแบรนด์ที่เข้ามาเป็นพันธมิตรอีกหลายโรงก่อนหน้านี้ ได้แก่ True 4DX (โรงที่ 5) Bangkok Airways Blue Ribbon Screen (โรงที่ 1-3) และ Krungsri Imax Theatre.