เล็บครุฑ ปะทะ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ช่อง 7 เฉือนคม ช่อง 3 ชิงเรตติ้งละครหลังข่าว

ความร้อนแรงจากละคร “บุพเพสันนิวาส” ที่เพิ่งจบลงไปพร้อมตอนพิเศษเมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ช่อง 3 ต้องรีบนำมา “รีรัน” ลงละครเย็นต่อในเดือนพฤษภาคมนี้อีกรอบ เพื่อหวังว่ากระแสที่มาเต็มของออเจ้าจะช่วยส่งต่อเนื่องมาจากละครชุดใหม่ของช่อง 3 ในขณะที่ช่อง 7 คู่แข่งหลักของช่อง 3 ก็เตรียมพร้อมจัดหนักจัดเต็มสู้ศึกรอบใหม่ครั้งนี้อย่างเต็มที่

เนื่องจากชุดละครหลังข่าว เป็นช่วงเวลาหลัก ที่มีผู้ชมทีวีสูงสุดของวัน ที่สร้างเรตติ้งและรายได้หลักของทั้งสองช่อง ทำให้ต่างวางกลยุทธ์สู้กันหนัก เพราะหากใครชนะในช่วงเวลานี้ มีลุ้นหนุนส่งเรตติ้งทั้งช่องพาขึ้นอันดับ 1 ได้ทันที อย่างที่ “บุพเพสันนิวาส” เคยดันทั้งช่องขึ้นเรตติ้งอันดับ 1 ในเดือนมีนาคมมาแล้ว

ในความเป็นจริง เมื่อละครเรื่องหนึ่งจบ มีละครเรื่องใหม่เข้ามาแทนที่ เรตติ้งของละครเรื่องหนึ่ง กับละครอีกเรื่องหนึ่งจึงไม่สามารถการันตี หรือส่งต่อให้กันได้ เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับ “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” ละครใหม่ที่มาออกอากาศต่อจาก “บุพเพสันนิวาส” 

“หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” ละครพีเรียดอิงประวัติศาสตร์ สมัยอยุธยาตอนปลาย ต่อเนื่องมาจากกรุงธนบุรี จากค่ายทีวีซีน ที่ต้องรับศึกหนักจากความคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จต่อจาก “บุพเพสันนิวาส” เปิดตัวตอนแรกวันที่ 25 เมษายน เรตติ้งอยู่ที่ 4.762 ถึงแม้ว่าจะไม่สูงมาก แต่ก็นับว่าเป็นการเปิดตัวเรตติ้งละครใหม่ได้ดีของช่อง 3 เนื่องจากเป็นละครที่มีตัวละครที่เกี่ยวข้องเยอะมาก จึงเน้นไปในแนวทางปูเรื่อง

พอมาตอนที่ 2 วันที่ 26 เมษายน “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” ที่ไฮไลต์ไปที่ชีวิตของ “ขันที” ความมีจริต อารมณ์ และสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับการตรวจความเป็นชาย เรตติ้งลดลงมาอยู่ที่ 3.916

แต่ปัจจัยแวดล้อมและการแข่งขันของแต่ละช่วงเวลา ก็มีส่วนสำคัญกระทบต่อเรตติ้งของละครแต่ละเรื่องด้วยเช่นกัน เป็นส่วนหนึ่งของการวางกลยุทธ์ จัดวางผัง ลงช่วงเวลาของแต่ละช่อง ที่จะต้องวิเคราะห์ว่าจะเปิดแนวรุก หรือแนวรับที่จุดไหน

กรณีของ “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” เป็นละครที่ได้รับการจับตาจากคู่แข่งมาก เพราะเป็นละครแนวพีเรียดต่อเนื่องจาก “บุพเพสันนิวาส” ทำให้ช่อง 7 จัดของแข็งที่สุดที่อยู่ในมือมาประกบ

ช่อง 7 จัดกลยุทธ์เด็ดรับ “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว”  

ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย ละครที่เป็นหน้าตาของช่อง 7 คือละครบู๊ ถูกใจฐานผู้ชมช่องในระดับแมสได้เสมอ คราวนี้ช่อง 7 จึงจัด เล็บครุฑ ละครบู๊ฟอร์มใหญ่ของช่องเรื่องหนึ่งในปีนี้ มีดาราระดับพระเอกของช่อง 2 คน “ซี ศิวัฒน์ และ เอส กันตพงศ์“ มาสู้กันดุเดือดตั้งแต่ตอนแรก มาลงผังชน “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” เต็มๆ

โดย ช่อง 7 รีบตัดจบละครที่กำลังออกอากาศ “ชาติลำชี” แบบรวบรัดชนิดคนดูงงกับบทสรุปในวันสุดท้าย วันที่ 25 เมษายน เพื่อรับน้องใหม่ “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” ที่ลงจอวันแรก และก็ได้ผลดีตามเป้าหมาย เมื่อละครตอนจบ มักจะได้เรตติ้งชนะละครตอนแรกเสมอ ทำให้เรตติ้ง “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” เปิดตัวไม่สูงดังคาดหวัง ที่ 4.762

แถมตอนต่อมาตอนที่ 2 ก็จัดละครบู๊ “เล็บครุฑ” รับลูกต่อ ทำให้ “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” ที่ออกตัวตอนแรกยังไม่แรงพอ เจอกับละครใหม่สายแข็งเข้าไป เรตติ้งลดลงฮวบทันทีอยู่ที่ 3.916 “เล็บครุฑ” เปิดตัวตอนแรกไปได้สวยที่เรตติ้ง 5.534

ผลลัพธ์ที่ออกมาใน 2 ตอนแรก จึงดูเหมือนว่าเป็นชัยชนะของช่อง 7

ละครวันจันทร์ – อังคาร ฟอร์มยักษ์เจอความสดใหม่ 

ละครชุดต่อมาชุดวันจันทร์ อังคาร ช่อง 3 ปูนำมาตั้งแต่ “เงินปากผี” ละครผีเข้ามาเสียบในผังแทนที่ “บ่วงรักซานตาน” ที่วางไว้ตั้งแต่ตอนแรก เริ่มสร้างเรตติ้งให้ช่วงละครต้นสัปดาห์วันทำงานได้ดี จนส่งต่อมายัง “คมแฝก” ละครบู๊ ที่กำลังออกอากาศอยู่ในขณะนี้ แถม “คมแฝก” ยังเป็นละครที่เปิดตัวได้เรตติ้งสูงสุดของช่อง 3 ในปีนี้ โดยเปิดตัวตอนแรกวันที่ 26 มีนาคม ได้เรตติ้งที่ 5.831 แต่นั่นก็เป็นเรตติ้งสูงสุดของคมแฝกตั้งแต่ออกอากาศมาจนถึงวันที่  24 เมษายน

ในขณะที่ช่อง 7 ส่งละครดราม่า “เสน่หามายา” ในช่วงที่ช่อง 3 กำลังพีคด้วยกระแสออเจ้าและคมแฝก เมื่อไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ช่อง 7 จึงรีบตัดจบเมื่อวันที่ 24 เมษายนนี้ พร้อมเตรียมส่งละครจานด่วน แนวรักกุ๊กกิ๊ก “พันธกานต์รัก” ของนักแสดงดาวรุ่งของช่อง “แบงค์ อาทิตย์” และ “มุกดา นรินทร์รักษ์” ออนแอร์วันที่ 30 เมษายนนี้ ตามสไตล์ของช่อง 7 ถ่ายไปออนแอร์ไป โดยละครเพิ่งเปิดกล้องเมื่อเดือนมกราคมนี้

ช่อง 7 หมายมั่นปั้นมือว่า การชิงออนแอร์ล่วงหน้า เพื่อดึงคนเฝ้าหน้าจอได้ก่อนละครชุดใหม่ฟอร์มใหญ่ของช่อง 3 “ลิขิตรัก The Crown Princess” ที่มีนักแสดงเบอร์ต้นของช่อง “ณเดชน์-ญาญ่า” นำแสดง ซึ่งช่อง 3 ประกาศไปเบื้องต้นว่า จะออกอากาศวันที่ 8 พ.ค. แต่ก็เป็นเพียงกลยุทธ์หลอกล่อคู่แข่ง เพราะล่าสุดก็เลื่อนออกไปออกอากาศวันที่ 14 พฤษภาคม เพื่อให้สอดคล้องกับการออกอากาศพร้อมกันที่ประเทศจีน เพราะเรื่องนี้เป็นละครเรื่องแรกที่ช่อง 3 ขายลิขสิทธิ์ล่วงหน้าไปออกอากาศที่จีนอย่างเป็นทางการ

ชุดละครต้นสัปดาห์นี้ ช่อง 3 ฟอร์มเหนือกว่า

ชุดละครวันหยุด ช่อง 7 ทุ่มสุดตัว ส่งตัวพ่อลงจอ

ละครวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เป็นชุดละครที่ออกอากาศแบบไปเร็วมาเร็ว เพราะมีถึง 3 ตอนในแต่ละสัปดาห์ ผังช่วงนี้ช่อง 7 ครองแชมป์มาโดยตลอด ด้วยการส่ง “สัมปทานหัวใจ” ละครดราม่าแนวตบจูบ ได้ตัวพ่อ “เวียร์ ศุกลวัฒน์“ และ “ฐิสา-วริฏฐิสา” นำแสดง

ส่วนช่อง 3 มักจะส่งละครฟอร์มไม่ใหญ่จัดลงผัง เนื่องจากคนดูของช่องจะเป็นคนเมือง ไม่ค่อยอยู่บ้านในช่วงวันหยุด หลังจากจัด “บ่วงรักซาตาน” ซึ่งโดนเท มาจากชุดวันจันทร์ อังคารมาลงจอ เรตติ้งไม่ดีเท่าไรนัก ก็รีบตัดจบจากการออกอากาศทั้งหมดเพียง 10 ตอน เพื่อเริ่มละครชุดใหม่ “บ่วงรักนางซิน” แนวโรแมนติกคอมเมดี้ ที่มี “อาเล็ก ธีรเดช “ และ “พรีม รมิดา” แสดงนำ ให้ออกอากาศวันแรกวันเดียวกับ “สัมปทานหัวใจ” ของช่อง 7 วันที่ 28 เมษายนนี้ทันที แบบชนิดที่ว่า แม้จะฟอร์มเล็กกว่า ดาราเบอร์เล็กกว่า แต่ก็แอบหวังว่า จะพอช่วงชิงเรตติ้งมาได้บ้าง

ช่วงวันหยุดนี้ แรงหนุนจาก “เวียร์” น่าจะทำให้ช่อง 7 นำไปอย่างสบายๆ

ผลตอบรับของทั้ง 3 ชุดละครล็อตใหม่ของทั้งสองช่อง จะเป็นอย่างไร รีโมตในมือผู้ชมคือคำตอบ เพราะบางครั้งละครที่คาดหวังสูงก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด ส่วนละครที่ไม่หวังอะไรเลย กลับกลายมาดัง ก็เคยเกิดขึ้นมาตลอดอยู่แล้ว.