ในที่สุด ค่ายมติชน “เซ็นเซอร์” ตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อขรรค์ชัย บุนปาน หนึ่งในผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์มติชน และประธานกรรมการบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ตัดสินใจตัดเชือกปลด “เสถียร จันทิมาธร” คอลัมนิสต์ และบรรณาธิการมติชนสุดสัปดาห์ บรรณาธิการข่าวสด ออกจากการเป็น “คอลัมนิสต์”
ส่งผลให้คอลัมน์วิเคราะห์การเมือง “วิภาคแห่งวิพากษ์” หน้า 3 มติชน รวมถึงนามปากอื่นๆ ที่เขียนโดยเสถียร เช่น ดวงตา วรรณศิลป์ หนึ่งในนามปากกาของเขา หายไปจากหน้าหนังสือพิมพ์ มีผลตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา
สาเหตุสำคัญนั้นมาจากงานเขียนที่ไม่เป็นกลาง ยกย่องเชิดชูฝ่ายทักษิณ ชินวัตร และพวก เปิดพื้นที่เชียร์กลุ่มเสื้อแดง อยู่ตรงข้ามรัฐบาล อย่างออกหน้า แต่กลับโจมตีฝ่ายตรงกันข้ามระบอบทักษิณ และโจมตีรัฐบาลอภิสิทธิ์อย่างที่ขาดหลักการและเหตุผล
ก่อนหน้าเสถียรจะถูกปลด “จุฬาลักษณ์ ภู่เกิด” บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ก็ถูกปลดจากตำแหน่ง ไปเป็นที่ปรึกษา เมื่อ 20 เมษายน ด้วยสาเหตุเดียวกันคือ ข้อเขียนที่มีเนื้อหาไม่เป็นกลาง สนับสนุนกลุ่มเสื้อแดง เชิดชูทักษิณ ชินวัตร โดยจุฬาลักษณ์นั้นยังไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดง ที่สนามหลวงด้วย
ทั้งเสถียร และจุฬาลักษณ์ เป็นคนเดือนตุลา เข้าป่า หลัง 6 ตุลาคม 2519 เข้ารุ่นเดียวกับ จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์ สนิทสนมกับทักษิณเป็นอย่างดี
ข้อเขียนที่เชียร์ทักษิณอย่างออกนอกหน้า เอาใจคนเสื้อแดงแบบสุดลิ่มทิ่มประตู แบบไม่ดูข้อเท็จจริง หลายต่อหลายครั้งที่คอลัมน์ “วิภาคแห่งวิพากษ์” ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้ระบอบทักษิณโจมตีฝ่ายตรงกันข้าม เช่นกรณี กษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ที่ถูกโจมตีจามติชนอย่างหนัก ถึงกับมีบิดเบือนข้อมูลจากแบบสำรวจ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า กษิต ซึ่งอยู่ฟากตรงกันข้ามกับทักษิณ
หนังสือพิมพ์ข่าวสด ก็เคยนำเสนอเนื้อหาใส่ร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวหาว่าผู้ที่เสียชีวิตจากการชุมนุมเมื่อ 7 ตุลาคม 2551 ที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่จนเสียชีวิตนั้น เป็นเพราะพกระเบิดในกระเป๋า และกำระเบิดในมือ
ขณะเดียวกันเลือกเขียนเชียร์ ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต หรือ หมวดเจี๊ยบ เจ้าของหนังสือทักษิณ ว่า ไปจัดรายการที่ดีสเตชั่นของกลุ่มเสื้อแดงอย่างออกหน้า
หรือแม้แต่การเขียนเอาใจกลุ่มเสื้อแดงในการระดมมวลชน นำมาเปรียบเทียบกับกลุ่มพันธมิตรฯ
แม้แต่การจลาจลกลางเมือง จนถึงการบุกของ นปช.พัทยา ก็ยังพาดหัว และเขียนบิดเบือนข้อเท็จจริง ว่า ที่ต้องล้มเลิกการประชุมสุดยอดผู้นำ เพราะการทะเลาะกันของเสื้อแดง และเสื้อน้ำเงิน ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงในการบุกของเสื้อแดงเพื่อล้มการประชุมสุดยอดผู้นำตั้งแต่ช่วงหัวค่ำมาแล้ว
เหตุการณ์จลาจลที่ใช้มวลชนเข้าต่อสู้จนกลายสงกรานต์เดือด สื่อมวลชนค่ายต่างๆ โดยเฉพาะผู้สื่อข่าวต่างประเทศ จับโกหก และเห็นตัวตนที่แท้จริงของทักษิณว่าอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายในครั้งนี้ แต่มติชนยังยกย่องแบบไม่ลืมหูลืมตา
ค่ายมติชน เคยได้ชื่อว่าเป็นหนังสือพิมพ์คุณภาพ กำเนิดจากการวมตัวของกลุ่มคนหนังสือพิมพ์รุ่นบุกเบิก นำเสนอเนื้อหาเจาะลึกตรงไปตรงมา ชนิดที่คอการเมืองต้องไม่พลาด แตกต่างจากมติชนยุคนี้อย่างเห็นได้ชัด ยอดขายของมติชนตกลงเรื่อยๆ หนังสือเหลือกองโต เป็นสิ่งที่ทุกคนสัมผัสได้ หลายคนโทษว่าเป็นเพราะฝ่ายพันธมิตรฯไม่พอใจ จึงเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมเลิกอ่าน
แต่คนพูดอาจลืมคิดไปว่า กลุ่มคนอ่านมติชนเป็นชนชั้นกลางของสังคมไทย มีความรู้ มีการศึกษา ถึงแม้ไม่มีกลุ่มพันธมิตรฯมาชี้นำ คนเหล่านี้ก็ตัดสินใจได้เองว่าจะเลือกอ่านหนังสือพิมพ์ที่นำเสนอข้อมูลที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริง ยกย่องเชิดชูทักษิณและพวกอย่างออกหน้าหรือต่อไม่
การตัดสินใจหักปากกา ปิดพื้นที่ของบรรณาธิการสวมเสื้อสีแดงทั้งสองคนในครั้งนี้ จึงเป็นทางออกเดียวของมติชน ก่อนที่เหตุการณ์จะเลวร้าย และสายไปมากกว่านี้
