ศึกฟ้องร้องระหว่าง Skechers และ Adidas กำลังเดือดพล่านจนสื่ออเมริกันมองว่าเป็นการแข่งกันขุดคุ้ยความไม่เข้าท่าของอีกฝ่ายขึ้นมาแฉแบบไม่มีใครยอมใคร โดยในวันเดียวกับที่ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯได้ตัดสินให้ Adidas ชนะคดี ทำให้ Skechers ต้องหยุดขายสินค้าที่ Adidas ระบุว่าเป็นรองเท้า Stan Smith ของตัวเอง แบรนด์คู่แข่งอย่าง Sketchers ก็เปิดฉากต่อสู้ทางกฎหมายครั้งใหม่ ด้วยการแฉว่า Adidas มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะ จนทำให้ Sketchers เสียโอกาสทางการค้า
Sketchers นั้นเป็นบริษัทรองเท้าผ้าใบกึ่งกีฬากึ่งใส่เล่นประจำวัน ล่าสุด Sketchers กล่าวหา Adidas ว่าทำให้แบรนด์ Skechers เสียหายเพราะดีลจ่ายใต้โต๊ะ แก่บิดาของนักแข่งขันบาสเก็ตบอลระดับวิทยาลัยหรือ college basketball ของสหรัฐอเมริกา
ดีลใต้โต๊ะนี้ถูกสื่ออเมริกันเรียกว่าเป็น underhanded dealings ซึ่งเข้าข่ายการติดสินบน คดีนี้จึงถูกมองว่า Skechers กำลังแบรนด์ Adidas แปดเปื้อนเรื่องอื้อฉาว
Skechers ระบุชื่อผู้บริหารของ Adidas อย่าง Jim Gatto และที่ปรึกษาของ Adidas ชื่อ Merl Code โดยอัยการสหรัฐส่งเรื่องฟ้องร้อง Gatto โดยอ้างว่าเขาทำงานร่วมกับ Code และคนอื่นเพื่อให้เงินแก่ครอบครัวของอดีตผู้เล่น 2 ทีมคือ Kansas และ NC State ซึ่งเป็น 2 ทีมวิทยาลัยที่ได้รับการสนับสนุนจาก Adidas การให้เงินนี้เองที่ถูกกล่าวหาว่า Adidas ต้องการซื้อข้อผูกพันจากผู้เล่นที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนเหล่านั้น และเพื่อให้แน่ใจว่าผู้เล่นจะเซ็นสัญญากับ Adidas เมื่อทุกคนเทิร์นโปรหรือผันไปเป็นผู้เล่นมืออาชีพ
ในสำนวนฟ้อง มีการระบุว่าการจ่ายเงินลักษณะนี้ถือเป็นการกีดกันคู่แข่งทางการค้าเช่น Skechers ที่เล่นตามกฎเพื่อให้มีโอกาสได้สร้างแบรนด์ในตลาดนักเรียนนักศึกษา
ไม่ว่า Adidas จะทำจริงตามข้อกล่าวหาหรือไม่ แต่คำกล่าวหาว่ากีดกันที่ Skechers ระบุถือว่าเป็นข้อหาที่ฟังขึ้น เพราะที่ผ่านมา ทุกแบรนด์ล้วนพยายามเสนอตัวให้เป็นสินค้าที่นักกีฬาระดับโรงเรียน–มัธยม–วิทยาลัยผู้ที่เป็น trend-setting ได้เห็นและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ การเข้าถึงครอบครัวของนักกีฬามีผลทำให้ Skechers และบริษัทอื่นถูกปิดกั้นจากการแข่งขัน ทั้งในระดับสนามแข่งขันระดับเยาวชน, ระดับเอ็นบีเอ และยังกระตุ้นให้ผู้บริโภครับรู้ถึงแบรนด์ Adidas ได้ดีกว่าในตลาดรองเท้าบาสเก็ตบอลอย่างไม่เป็นธรรม
แม้ Skechers จะเป็นแบรนด์ที่ไม่ได้หวังเจาะตลาดรองเท้าบาสเก็ตบอลเป็นหลัก และอาจไม่ได้เป็นคู่แข่งกับ Adidas โดยตรงเท่า Nike แต่ Skechers ชี้ให้เห็นว่าบริษัทได้ลงนามกับผู้เล่นหลายรายทั้ง Jamal Crawford และ Josh Smith ขณะเดียวกันก็มีข้อตกลงกับนักกีฬาเกษียณเช่น Kareem Abdul-Jabbar ด้วย จุดนี้ Skechers อ้างว่าการกระทำของ Adidas ถือเป็นการบีบบังคับให้ Skechers ต้องเพิ่มงบโฆษณาเพื่อรักษาแบรนด์ไม่ให้ยอดขายและผลกำไรหดหายไป
กรณีนี้ Adidas โต้ตอบว่าคำร้องเรียนนี้ “ไม่สำคัญและไร้สาระ” ไม่ควรจะเป็นประเด็นโดยสิ้นเชิง
สิ่งที่เป็นประเด็นในสายตา Adidas คือ Skechers สร้างรองเท้าที่มีลักษณะเหมือนรองเท้ารุ่น Stan Smith แบบคลาสสิกมากเกินไป จึงยื่นร้องเรียน Skechers ต่อศาลตั้งแต่ปี 2015 เพื่อขอให้ศาลสั่งห้าม Skechers ขายรองเท้ารุ่น Onix ซึ่ง Adidas และหลายคนลงความเห็นว่าเป็นสำเนาชัดเจนของ Adidas Stan Smith แบบคลาสสิก ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯจึงตัดสินเมื่อวันที่ 10 พ.ค. ว่ารองเท้าของ Skechers มีความคล้ายคลึงกับ Stan Smith มากเกินไป และมีหลักฐานว่า Skechers ตั้งใจให้ผู้ซื้อสับสนด้วย (กรณีนี้ Skechers ยืนยันว่าจะไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีความที่รอดำเนินการ)
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาคดีไม่ได้ตัดสินให้ Skechers เป็นฝ่ายแพ้ทั้งหมด เพราะศาลได้ยกเลิกคำสั่งห้ามขายรองเท้า Cross Court ซึ่ง Adidas ต้องการแบนออกจากตลาดเพราะวัสดุที่อยู่ด้านบนรองเท้าทำให้เกิดเป็นรูปลักษณ์ 3 แถบด้านข้าง ที่เป็นเครื่องหมายการค้าของ Adidas จุดนี้ศาลตัดสินว่า Adidas ไม่สามารถพิสูจน์ว่าบริษัทได้รับผลเสียใดจากการขายรองเท้ารุ่นนี้ของ Skechers และ Skechers ยืนยันว่าเป็นการออกแบบให้เกิดรูปอักษร E
เรื่องนี้ Adidas ย้ำในแถลงการณ์ว่าบริษัทจะไม่ยอมให้ใครคัดลอกผลิตภัณฑ์ของ Adidas และตั้งใจที่จะถอนรากถอนโคนการกระทำที่ผิดกฎหมายของ Skechers ทั้งหมด คำแถลงนี้เป็นสัญญาณบอกว่าศึกฟ้องร้องระหว่าง Adidas และ Skechers จะไม่จบสิ้นในเร็ววันนี้แน่นอน.
ที่มา :